เจ้าหน้าที่ในรัฐควีนส์แลนด์ และนิวเซาท์เวลส์ ทางตะวันออกของออสเตรเลีย ประกาศภาวะฉุกเฉินในวันนี้ (11 พ.ย.) ในช่วงเวลาที่ภูมิภาคตะวันออกของออสเตรเลีย เตรียมพร้อมรับมือ “หายนะภัย” จากไฟป่า
ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เหตุไฟป่าในพื้นที่ทางตอนเหนือของนิวเซาท์เวลส์ และควีนส์แลนด์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 3 ราย และเผาทำลายบ้านเรือนไปมากกว่า 150 หลัง
แม้นครซิดนีย์ เมืองที่มีประชากรมากสุดของออสเตรเลีย จะรอดพ้นจากสถานการณ์เลวร้ายสุดในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่อุณหภูมิยังคงพุ่งสูงไปอยู่เหนือระดับ 34 องศาเซลเซียส อากาศแห้ง และมีลมแรง
เจ้าหน้าที่ยังยกระดับคำเตือนไฟป่าสำหรับภูมิภาคซิดนีย์ ขึ้นมาอยู่ในระดับ “หายนะภัย” ต่อเนื่องไปจนถึงวันพรุ่งนี้ (12 พ.ย.) ทำให้ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่นครซิดนีย์ ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในระดับดังกล่าว ทั้งทางการยังออกคำเตือนให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงที่สุดอพยพออกจากพื้นที่ด้วย นับตั้งแต่ที่มีการปรับการจัดระดับคำเตือนอันตรายใหม่เมื่อปี 2552
นางเกลดีส์ เบเรจิเคลียน ผู้ว่าการรัฐนิวเซาท์เวลส์ ระบุว่า พรุ่งนี้จะเป็นเรื่องของการปกป้องชีวิต ทรัพย์สิน และทำให้มั่นใจว่าทุกคนปลอดภัยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ทั้งนี้ ไฟป่าที่เกิดจากไฟไหม้พุ่มไม้ในออสเตรเลีย เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นประจำในช่วงฤดูร้อนของออสเตรเลียที่มีอากาศแห้ง และอุณหภูมิสูงอย่างมาก ซึ่งบ่อยครั้งที่ไฟป่าเหล่านี้จะมีความรุนแรง สร้างความเสียหายต่อชีวิต และทรัพย์สินอย่างมาก
เมื่อปี 2552 เกิดเหตุไฟป่าจากไฟไหม้พุ่มไม้ครั้งรุนแรงสุดในประวัติศาสตร์ของออสเตรเลีย เผาทำลายบ้านเรือนหลายพันหลังในรัฐวิคตอเรีย ทำให้มีผู้เสียชีวิต 173 ราย บาดเจ็บอีก 414 คน เป็นวันที่สื่อท้องถิ่นพากันขนานนามว่า “แบล็ค ฟรายเดย์” หรือวันเสาร์อันมืดมิด
