Branding

คำต่อคำ ‘สุรชัย ชาญอนุเดช’ ผู้เปิดตำนาน ‘ซานตาเฟ่ สเต็ก’ ในวันที่อยู่ใต้ร่มเงา ‘บุญรอดฯ’

เปิดใจ สุรชัย ชาญอนุเดช ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ บริษัท เคที เรสทัวรองท์ จำกัด เจ้าของแบรนด์ “ซานตาเฟ่ สเต็ก” หลังจากธุรกิจซานตาเฟ่ สเต็กที่สร้างมากับมือ มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 88% เป็นบริษัท ฟู้ด แฟคเตอร์ จำกัด ในเครือบุญรอดบริวเวอรี่ โดยใช้เงินถึง 1,500 ล้านบาทเข้ามาซื้อหุ้นดังกล่าว

“เราคุยกันแล้ว จูนกันได้ ที่สำคัญคือ เค้าทำอาหารด้วยแพชชั่น ซึ่งก็เหมือนกับผม”

สุรชัย ชาญอนุเดช2
สุรชัย ชาญอนุเดช

นี่เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ สุรชัย ในฐานะผู้ปั้นแบรนด์ซานตาเฟ่ สเต็ก มองว่า การร่วมงานกับคนที่คิดเหมือนกัน จะเป็นเรื่องที่ดีสำหรับธุรกิจและการทำงานที่ราบรื่นในอนาคต

สุรชัย เล่าถึงเบื้องหลังของการเข้าถือหุ้นในเคที เรสทัวรองท์ ของกลุ่มบุญรอดฯ ครั้งนี้ ว่า เกิดการที่กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมคือ เลคชอร์ แคปปิตอล กองทุน Private Equity ต้องการขายหุ้นที่ถืออยู่ จึงมอบหมายให้บริษัท ไพร์ซ วอเทอร์เฮาส์ คูเปอร์หรือ PWC เข้ามาเป็นตัวกลางในการหาผู้สนใจลงทุน ซึ่งมีลิสต์รายชื่อผู้สนใจถึง 50 ราย แบ่งเป็นกลุ่มทุนในไทย 50% และทุนจากต่างประเทศ 50% จนคัดเหลือ 7 ราย และมาลงตัวที่ฟู้ด แฟคเตอร์ในเครือบุญรอดฯ หลังจากเจรจากันมาประมาณ 2-3 ครั้งในเวลาประมาณ 9 เดือน

แม้ ฟู้ด แฟคเตอร์ จะเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในซานตาเฟ่ สเต็ก แต่ สุรชัย ยังคงดำรงตำแหน่ง ซีอีโอ และทำงานร่วมกับฟู้ด แฟคเตอร์ในการวางแผนขยายธุรกิจในอนาคตอย่างน้อย 3 ปี จากนั้นจะเป็นการเซ็นสัญญาปีต่อปี ซึ่งเขาเชื่อว่า จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เพราะจากการพูดคุยกัน เชื่อมั่นว่า จะสามารถทำงานร่วมกันได้ ภายใต้เป้าหมายเดียวกันคือ สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับธุรกิจของเคที เรสทัวรองท์

ซานตาเฟ่

 

หากจะรีวิวธุรกิจของเคที เรสทัวรองท์ ที่เริ่มธุรกิจจากร้านแรกในปี 2546 ด้วยการซื้อสูตรอาหารจากสหรัฐมาเปิดในเมืองไทย จนถึงปัจจุบัน มีสาขาเปิดให้บริการแล้ว 117 สาขา รวมถึงการเปิดสาขาในกัมพูชา และธุรกิจร้านอาหารอีสาน ภายใต้ชื่อ “เหม็ง นัวนัว” ที่เปิดให้บริการแล้ว 7 สาขา โดยในปี 2561 ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้ 1,850 ล้านบาท และในปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นแตะ 2,000 ล้านบาท

แนวทางการเติบโตของ ซานตาเฟ่ สเต็ก นับจากนี้ สุรชัยมองว่า มาจากการขยายสาขาใหม่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งตั้งเป้าเปิดสาขาปีละไม่ต่ำกว่า 20 สาขา ในจำนวนนี้จะเป็นสาขาแฟรนไชส์ 50% รวมถึงการพยายามกระตุ้นยอดขายของสาขาเดิมให้เติบโตเพิ่มขึ้น จากการพัฒนาเมนูใหม่ต่อเนื่อง การจัดโปรโมชั่นต่อเนื่อง การโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อแมสและสื่อออนไลน์ ตลอดจนการเพิ่มบริการที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ อย่างการบริการสั่งและส่งสินค้าผ่านแกร็บ ฟู้ด เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่า การขยายสาขาใหม่ทำได้ไม่ง่ายนัก เนื่องจากปัจจุบันโมเดิร์นเทรดโดยเฉพาะศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้า ชะลอการเปิดสาขาใหม่ลง ทำให้โอกาสหาโลเคชั่นใหม่ๆ ของซานตาเฟ่ สเต็กลดลงไปด้วย

001 2

ดังนั้น สิ่งที่ทำได้คือ การมองหาพื้นที่ของร้านค้า ร้านอาหารที่เปิดบริการอยู่แล้วในห้างสรรพสินค้าและต้องการเลิกกิจการ โดยจะนำซานตาเฟ่ สเต็กเข้าไปเปิดแทน ซึ่งสิ่งที่น่ายินดีคือ ซานตาเฟ่ สเต็ก ติดอันดับ 1 ใน 7 ร้านอาหารที่ศูนย์การค้าอยากให้เข้าไปเปิดบริการในศูนย์การค้า โดยซานตาเฟ่ สเต็ก จะยังคงยึดพื้นที่ในกรุงเทพ ปริมณฑล และจังหวัดใหญ่เป็นหลัก แต่ก็พร้อมเปิดเมืองรองที่มีศูนย์การค้าเข้าไปเปิดสาขาเช่นกัน

สิ่งที่ เคที เรสทัวรองค์ จะได้รับจากการเข้าไปอยู่ใต้ร่มเงา ฟู้ด แฟคเตอร์ คือ การมีสาธารณูปโภคพื้นฐาน หรือินฟราสตรักเจอร์ในการทำธุรกิจเข้ามาสนับสนุน ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำที่เครือบุญรอดฯ มีอยู่แล้ว และที่สำคัญคือ การเป็นบริษัทคนไทยเหมือนกัน ทำให้ทำงานร่วมกันได้ง่ายกว่า และทำให้บริษัทมีการวางไดเร็คชั่นที่ชัดเจน รวมถึงวางแผนการทำตลาดเชิงรุกมากขึ้น

“การทำงานกับบริษัทคนไทย จะมีความเข้าใจกันมากกว่า คุยกันง่ายกว่า อบอุ่นกว่า จึงต้องการรักษาความเป็นไทย แต่ใช้เคพีไอหรือระบบวัดผลแบบต่างประเทศ เพื่อประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการทำงาน โดยวางเป้าหมายเติบโตปีละไม่ต่ำกว่า 20% ต่อเนื่องตลอด 3 ปีที่ผมทำหน้าที่ซีอีโอ”

เหม็ง นัวนัว

ในส่วนของแผนขยายธุรกิจร้าน เหม็ง นัวนัว นั้น จากปัจจุบันที่มีอยู่ 7 สาขาและมีการรีแบรนด์ครั้งใหญ่เมื่อปี 2561 ที่ผ่านมา โดยเปลี่ยนจากชื่อเดิม “มิสเตอร์เหม็ง” มาเป็น เหม็ง นัวนัว ก็มีแผนขยายธุรกิจต่อเนื่องเช่นกัน โดยวางเป้าหมายจะเพิ่มสาขาได้ถึง 30 สาขาภายใน 6-7 ปี นับจากนี้ หรือขยายปีละ 4 สาขา

สุรชัยปิดท้ายว่า มีหลายคนถามว่า กลุ่มบุญรอดฯ เข้ามาถือหุ้นใหญ่รู้สึกอย่างไร เช่น เสียดายธุรกิจที่ปั้นมากับมือไหม เขาตอบยิ้มๆ ว่า “ผมไม่เคยถือหุ้นใหญ่อยู่แล้ว หุ้นที่ถืออยู่ตอนนี้คือ 12% เลยไม่ได้รู้สึกว่าต้องเสียใจหรือเสียดาย ในทางกลับกัน มองว่า การที่มีกลุ่มทุนที่แข็งแรงอย่างกลุ่มบุญรอดฯ เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และมีแพชชั่นเหมือนกัน จะเป็นโอกาสสำคัญของซานตาเฟ่ สเต็ก ที่จะอยู่ได้อย่างมั่นคง แข็งแรง และเติบใหญ่ขึ้นมากกว่า”

Avatar photo