World News

‘เนสท์เล่’ จ่อยกเครื่องธุรกิจ ‘น้ำดื่ม’ ฟื้นยอดขายซบ

“เนสท์เล่” ผู้ผลิตน้ำดื่มบรรจุขวดรายใหญ่สุดของโลก เดินหน้ายกเครื่องธุรกิจ ในช่วงเวลาที่กำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของผู้บริโภคในอุตสาหกรรม ไล่ตั้งแต่ความชื่นชอบน้ำดื่มแบบมีฟองที่เพิ่มขึ้น ไปจนถึงกระแสต่อต้านการใช้พลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้ง

im 117834

เว็บไซต์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานวาช่วงไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา ยอดขายน้ำดื่มบรรจุขวดเฟื่องฟูอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในตลาดสหรัฐ ซึ่งเป็นตลาดใหญ่สุดของเนสท์เล่ เนื่องจากผู้บริโภคพากันลดการบริโภคเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลลงมา และหันมาดื่มน้ำบรรจุขวดมากขึ้น

แต่ระยะหลังมานี้ การขยายตัวของอุตสาหกรรมนี้เป็นไปอย่างเชื่องช้า เนื่องจากตลาดเริ่มอิ่มตัว และผู้บริโภคหันไปหาน้ำดื่มแแบบมีฟอง(sparkling water) และน้ำดื่มแต่งกลิ่น และรส (flavored water) มากขึ้น

ข้อมูลจากยูโรมอนิเตอร์ แสดงให้เห็นว่า เมื่อปีที่แล้ว ยอดขายน้ำดื่มบรรจุขวดในสหรัฐเพิ่มขึ้น 4% เทียบกับปี 2558 ที่มียอดขายเพิ่มขึ้น 8.3% สำหรับในตลาดโลกนั้น ยอดขายน้ำดื่มบรรจุขวดชะลอตัวลง โตเพียง 6% จากระดับ 7.2%

นอกจากนี้ น้ำดื่มบรรจุขวดยังตกเป็นเป้าการโจมตี จากกระแสความกังวลในเรื่องขยะพลาสติกมากขึ้น นอกเหนือไปจากต้นทุนการขนส่งที่เพิ่มขึ้น และการแข่งขันอย่างรุนแรงจากสินค้าตราห้าง (store-branded)

ปัญหาต่างๆ ดังกล่าว กลายมาเป็นความท้าทายต่อแบรนด์น้ำดื่มหลักของเนสท์เล่ รวมถึง โปแลนด์ สปริงก์ และเพียวไลฟ์ ที่ต้องขึ้นราคาเพื่อชดเชยกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งยิ่งทำให้ยอดขายลดลง แต่ยอดขายแบรนด์ตลาดบนของเนสท์เล่ อย่าง ซานเปลเลกริโน และเปอร์ริเย ยังมียอดขายในสหรัฐดีอยู่ แต่บริษัทยังมีการเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้าในการเข้าไปเจาะตลาดน้ำดื่มแบบมีฟอง และน้ำดื่มแต่งกลิ่น และรส ที่กำลังมาแรง

DrinkingWater 01

ในความพยายามที่จะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เนสท์เล่ ระบุว่า จะดำเนินการปรับโครงสร้างหน่วยงานด้านน้ำดื่ม ปรับเปลี่ยนจากการเป็นธุรกิจที่มีการบริหารจัดการแบบศุนย์กลางจากสำนักงานใหญ่ในฝรั่งเศส มาเป็นการบริหารจัดการในระดับท้องถิ่น ตามสำนักงานระดับภูมิภาคของบริษัท โดยนายใหญ่ของหน่วยงานนี้ “เมาริซิโอ ปาตาร์เนลโล” จะก้าวลงจากตำแหน่ง หลังจากบริหารธุรกิจนี้มานาน 16 ปี

การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น จะเป็นการเลียนแบบการปรับโครงสร้างที่ “มาร์ก ชไนเดอร์” ซีอีโอเนสท์เล่ดำเนินการกับธุรกิจด้านโภชนาการทารก ที่บริษัทระบุว่า มีผลประกอบการที่ดีขึ้นนับตั้งแต่ที่ปรับโครงสร้าง

“ตอนนี้ธุรกิจอยู่ในระดับที่ การตอบสนองของท้องถิ่น และความสามารถทางการแข่งขันเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมากขึ้น” ชไนเดอร์ ระบุ

ซีอีโอเนสท์เล่ กล่าวด้วยว่า โดยรวมแล้วเป้าหมายของเขาคือ คือ การลดความสำคัญของแบรนด์น้ำดื่มที่ให้ส่วนต่างผลตอบแทนในระดับต่ำ และหันมามุ่งเน้นในแบรนด์พรีเมียม และน้ำดื่มทางเลือกอย่าง น้ำดื่มมีฟอง และน้ำดื่มแต่งกลิ่น และรสชาติแทน

นอกจากนี้ ยังจะพิจารณาถึงการแตกต่างกิจการธุรกิจน้ำดื่มในบางประเทศด้วย อันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่บริษัทเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่เมื่อปีที่แล้วในบราซิล

ท่าทีล่าสุดของเนสท์เล่ เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่บริษัทระบุว่า ยอดขายโดยรวมของบริษัทช่วง 9 เดือน นับถึงวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา อยู่ที่ 68,370 ล้านฟรังก์สวิส เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากระดับ 66,420 ล้านฟรังก์สวิส ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยที่ยอดขายน้ำดื่มในตลาดอเมริกาเหนือแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลง และลดลงในยุโรป ตลาดที่เนสท์เล่ขายน้ำดื่มได้น้อยกว่าเป้าที่ตั้งไว้ในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา

nestle water1

ชไนเดอร์ บอกด้วยว่า ธุรกิจน้ำดื่มของบริษัทจะต้องรับมือกับประเด็นด้านความยั่งยืนต่างๆ ที่กำลังมีความสำคัญมากขึ้น

ปัจจุบัน เนสท์เล่ยังลงทุนในเทคโนโลยีรีไซเคิล และโครงการจัดเก็บขยะ เพื่อให้สอดคล้องกับกฎข้อบังคับใหม่ด้านสิ่งแวดล้อมของยุโรป ที่กำหนดให้ขวดน้ำพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว จะต้องมีวัสดุรีไซเคิลเป็นส่วนประกอบด้วยอย่างน้อย 30% ภายในปี 2573 ซึ่งเนสท์เล่ตั้งเป้าว่า ขวดน้ำดื่มของบริษัททั่วโลก จะผลิตจากพลาสติกรีไซเคิล 35% ภายในปี 2568

Avatar photo