“คมนาคม” ตั้งคณะทำงานคลอดหลักเกณฑ์ออก “ใบขับขี่รถไฟ” เชื่ออีก 6 เดือนสรุปผลได้ “กรมราง” โวอาชีพขับไฮสปีดน่าสนใจ เงินเดือนเป็นแสน เทียบชั้นกัปตันเครื่องบิน
นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) กระทรวงคมนาคม เปิดเผยหลังการประชุมคณะทำงานจัดทำหลักเกณฑ์การออกใบอนุญาตขับรถไฟครั้งที่ 1 ที่มีนายจิรุตม์ วิศาลจิตร รองปลัดกระทรวงคมนาคมเป็นประธาน วันนี้ (19 ก.ย.) ว่า กระทรวงคมนาคมได้แต่งตั้งคณะทำงานฯ ชุดนี้ ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนกระทรวงคมนาคม, กรมการขนส่งทางราง, ผู้ให้บริการรถไฟทุกระบบ และมีสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) เป็นที่ปรึกษา เพื่อพิจารณาหลักเกณฑ์และออกมาตรฐานการออกใบขับขี่รถไฟ
เนื่องจากขณะนี้ประเทศไทยอยู่ระหว่างผลักดันโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง 2 เส้นทาง ได้แก่ โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา และรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ซึ่งการขับขี่รถไฟความเร็วสูงต้องมีหลักเกณฑ์และทักษะพิเศษกว่ารถไฟทั่วไป
ประกอบกับนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม มีนโยบายส่งเสริมให้เอกชนเข้ามาลงทุนขนส่งสินค้าทางราง โดยจ่ายค่าตอบแทนให้กับการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) แต่เอกชนหลายราย เช่น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) พบว่า การลงทุนซื้อหัวรถจักรและแคร่มีปัญหาในขั้นตอนการประกันภัย เพราะบริษัทประกันภัยถามหาหลักเกณฑ์หรือมาตรฐานของผู้ขับขี่รถไฟ
ดังนั้น กระทรวงคมนาคมและกรมการขนส่งทางรางจึงเห็นว่า ควรเร่งจัดทำมาตรฐานผู้ขับขี่เป็นการเร่งด่วน เพื่อสร้างความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการทำงาน รวมถึงการส่งเสริมกิจการขนส่งทางรางของประเทศไทย
ตั้งเป้า 6 เดือนคลอดหลักเกณฑ์ได้
นายสรพงศ์กล่าวต่อว่า สำหรับการประชุมคณะทำงานฯ ครั้งแรกในวันนี้ ที่ประชุมเห็นว่าควรแบ่งหลักเกณฑ์การออกใบขับขี่รถไฟเป็น 4 ประเภท ได้แก่ 1. รถไฟฟ้าที่ให้บริการภายในเมือง (Metro) , 2. รถไฟทางไกล (Intercity) ที่ให้บริการขนส่งสินค้า, 3.รถไฟทางไกลที่ให้บริการขนส่งผู้โดยสาร และ 4. รถไฟทางไกลที่ใช้ความเร็วสูง
โดยหลังจากนี้ คณะทำงานฯ จะเร่งสรุปรายละเอียดและเงื่อนไขการออกใบขับขี่ให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลภายใน 6 เดือน จากนั้นจะมีการออก “ใบรับรองการขับขี่” ให้กับผู้ปฏิบัติงานเป็นการชั่วคราว
ต่อมาเมื่อ พ.ร.บ. การขนส่งทางราง มีผลบังคับใช้ กรมการขนส่งทางรางก็จะมอบ “ใบขับขี่รถไฟ” ให้ผู้ปฏิบัติงานที่มีใบรับรองโดยอัตโนมัติ นอกจากนี้จะประกาศหลักเกณฑ์และมาตรฐานผู้ปฏิบัติงานในตำแหน่งต่างๆ ของระบบราง รวมถึงผู้ขับขี่รถไฟ โดยกรมฯ จะมอบอำนาจให้หน่วยงานต่างๆ ดำเนินการจัดตั้งศูนย์สอบใบขับขี่ ฝึกอบรม และคุมมาตรฐานด้วยตัวเอง ส่วนกรมฯ จะกำกับดูแลมาตรฐานและคุณภาพในภาพรวม เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายและประกาศของกระทรวงคมนาคม
ขับ “ไฮสปีด” เงินเดือนเป็นแสน
สำหรับผู้ขับขี่รถไฟความเร็วสูงนั้น จะมีมาตรฐานและหลักเกณฑ์เข้มงวดมากกว่าปกติ ซึ่งจะเทียบเท่ากับผู้ขับเครื่องบิน เพราะการขับรถไฟความเร็วสูงจะมีความเครียดมากกว่าปกติและต้องรับผิดชอบชีวิตคนจำนวนมาก
ขณะเดียวกันผู้ขับรถไฟความเร็วสูงก็จะมีรายได้สูงตามไปด้วย เช่น ในประเทศจีนจะมีรายได้ตั้งแต่ 3 หมื่นหยวน หรือมากกว่า 1.5 แสนบาทต่อเดือนขึ้นไป ส่วนในประเทศไทยก็น่าจะมีรายได้ในหลักแสนบาทต่อเดือนใกล้เคียงกัน แต่พนักงานขับรถไฟไทยในปัจจุบันก็มีรายได้ไม่น้อย รวมทั้งหมดประมาณ 5-8 หมื่นบาทต่อเดือน
“เรื่องนี้ต้องเร่งทำ เพื่อประโยชน์ของการรถไฟฯ เอง เพราะการรถไฟฯ จะได้ประโยชน์จากค่าเช่าใช้ทาง จากการส่งเสริมให้เอกชนเข้ามามีบทบาท อันนี้เป็นไปตามนโยบายของรัฐมนตรีศักดิ์สยาม ขณะเดียวกันพอมีระบบรถไฟความเร็วสูงและมีมาตรฐาน วางเกณฑ์เรียบร้อยแล้ว ก็เชื่อว่าวิชาชีพการขับขี่รถไฟจะเป็นวิชาชีพที่ได้รับความสนใจอย่างยิ่งสำหรับประชาชนคนไทย เพราะในประเทศจีนผู้ขับรถไฟความเร็วสูงก็ได้รับเงินสูงกว่า 3 หมื่นหยวน หรือ 1.5 แสนบาทต่อเดือน” นายสรพงศ์กล่าว
ตลาดเปิด
ดร.สุเมธ องกิตติกุล ผู้อำนวยการวิจัย ด้านนโยบายการขนส่งและโลจิสติกส์ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) เปิดเผยว่า ในต่างประเทศ จะกำหนดให้มีการสอบใบขับขี่รถไฟความเร็วสูงใหม่ทุกๆ 5-10 ปีแล้วแต่ประเทศ ส่วนผู้ให้บริการรถไฟในประเทศไทย เช่น รถไฟฟ้า BTS หรือรถไฟฟ้า MRT ก็จะมีการทบทวนและทดสอบความรู้ใหม่ทุกๆ ปีอยู่แล้ว แต่เมื่อประเทศไทยจะออกใบขับขี่รถไฟ ก็ต้องมาพิจารณาหลักเกณฑ์ด้วยว่า จะต้องมีการสอบใบขับขี่ใหม่ทุกๆ กี่ปี
สำหรับประเทศไทย ปัจจุบันนี้มีผู้ขับรถไฟทั้งหมดราว 1,800-2,000 คน แบ่งเป็นรถไฟฟ้าในเมือง 700-800 คน และรถไฟทางไกล 1,100-1,200 คน แต่ในอนาคตปริมาณผู้ขับขี่ก็จะต้องเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เฉพาะรถไฟฟ้าในเมือง คาดว่าความต้องการผู้ขับขี่จะเพิ่มจาก 800 คน เป็น 6,000 คนภายใน 7-10 ปีข้างหน้า เพราะรถไฟฟ้ากำลังทยอยเปิดเส้นทางใหม่ๆ เช่น รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินหรือสายสีเขียวส่วนต่อขยาย รถไฟฟ้าสายสีส้ม เป็นต้น และมีการเพิ่มขบวนใหม่เฉลี่ย 10% ต่อปี ส่วนรถไฟความเร็วสูงก็คาดว่าจะต้องการผู้ขับขี่ประมาณ 100 คนต่อเส้นทาง
- สั่งปรับตัวรับ ‘กรมรางฯ’ คนขับรถไฟ-นายสถานี 2.4 พันคนต้องสอบใบอนุญาตใหม่
- ผุดศูนย์ฝึก ‘คนขับรถไฟฟ้า’ มาตรฐานญี่ปุ่น ป้อนความต้องการ 2.5 พันคนใน 5 ปี