Business

‘ช ทวี’ ยอมรับ ‘รถเมล์เอ็นจีวี’ เสียถี่กว่าปกติ ทุ่ม 100 ล้านบาทเปลี่ยนอะไหล่ยกฟลีต

“ช ทวี” ยอมรับ “รถเมล์เอ็นจีวี” เสียถี่กว่าปกติ ทุ่มลงทุนอีก 97-146 ล้านบาท เปลี่ยนอะไหล่ยกฟลีต คาดสิ้นปีนี้แก้ไขเสร็จ

รถเมล์ 3

จากกรณีที่รถโดยสารประจำทางที่ใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (รถเมล์เอ็นจีวี) จำนวน 489 คันขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เกิดปัญหารถเสียบ่อยครั้ง ทั้งที่ ขสมก. เพิ่งรับมอบรถล็อตนี้เมื่อเดือนมีนาคม 2562 ที่ผ่านมานั้น

นายสุรเดช ทวีแสงสกุลไทย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน) หรือ CHO เปิดเผยในฐานะกลุ่มร่วมทำงาน SCN-CHO ผู้ชนะการประมูลโครงการจัดหาและซ่อมบำรุงรถเมล์เอ็นจีวี 489 คัน เป็นเวลา 10 ปี วงเงิน 4,261 ล้านบาทว่า

ยอมรับว่ารถเมล์เอ็นจีวีล็อต 489 คันมีปัญหารถเสียบ่อยว่าปกติ โดยมีสถิติการเสียอยู่ที่ 8% สูงกว่าปกติที่มีอัตราการเสียเฉลี่ยอยู่ที่ 5% โดยปัญหาที่พบบ่อยเป็นเรื่องเล็กน้อย เช่น เซ็นเซอร์วัดระดับน้ำมัน สายพาน ท่อยาง เป็นต้น ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อย่างเครื่องยนต์เสีย

S 85680148

ทั้งนี้ ทางกลุ่มฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจและกำลังเร่งแก้ไขปัญหา เพราะปัญหาดังกล่าวทำให้เสียเวลาการให้บริการประชาชน ทั้งที่ไม่ควรเสีย โดยขณะนี้รถออกวิ่งไปนานพอสมควร บริษัทจึงรู้ว่าปัญหาอยู่ที่ตรงไหนและจะแก้ไขอย่างไร

เบื้องต้นบริษัทจะลงทุนปรับปรุงรถเพิ่มประมาณ 2-3 แสนบาทต่อคัน หรือรวมแล้วประมาณ 97-146 ล้านบาท เพื่อนำอะไหล่ที่มีคุณภาพดีขึ้นจากประเทศไทยหรือญี่ปุ่น มาใส่แทนอะไหล่เดิมที่มีปัญหา โดยคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จทั้งหมดภายในปี 2562 ส่งผลให้อัตรารถเสียลดลงต่ำกว่า 5% และตั้งเป้าหมายว่าจะทำให้ลดลงเหลือ 2-3% ซึ่งเป็นอัตราการเสียปกติของรถใหม่

“เราขายแบบมีความรับผิดชอบ เรารู้ว่าการซ่อมทำให้รถอยู่ได้นาน เราลงทุนเอง ทำเอง และมีช่างประจำ เพราะถ้ารถดี ก็ทำให้เราประหยัด ไม่กระทบกับ Margin เรากับ ขสมก. ไม่โดนด่า และเป็นการรักษาชื่อเสียง” นายสุรเดชกล่าว

อี ทิคเก็ต รถเมล์

สำหรับโครงการติดตั้งระบบบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์พร้อมอุปกรณ์ (E-Ticket) บนรถเมล์ ขสมก. จำนวน 2,600 คัน วงเงิน 1,665 ล้านบาท เป็นระยะเวลา 5 ปี ซึ่ง CHO ชนะการประมูล แต่ถูก ขสมก. ยกเลิกสัญญาไปเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2562 นั้น

นายสุรเดชเปิดเผยว่า บริษัทกำลังให้ทนายรวบรวมหลักฐาน เพื่อยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลางว่า ขสมก. ยกเลิกสัญญาโดยไม่เป็นธรรม ส่งผลให้บริษัทได้รับความเสียหายประมาณ 400-500 ล้านบาท ประกอบด้วยความเสียหายด้านอุปกรณ์ 400 ล้านบาทและด้านซอฟต์แวร์เกือบ 100 ล้านบาท

สำหรับอุปกรณ์ E-Ticket ที่ติดตั้งบนรถเมล์ไปแล้วนั้น ล่าสุดบริษัทได้ถอดอุปกรณ์ออกหมดแล้ว ซึ่งประมาณ 30% ก็จะนำมาใช้ในกิจการของตัวเอง และที่เหลือจะจำหน่ายในต่างประเทศ แต่ถ้ายังจำหน่ายไม่ได้ ก็คงต้องเก็บไว้ก่อน

S 79290371

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวงการผู้ประกอบการรถเมล์ มีการพูดถึงปัญหารถเมล์เอ็นจีวีเสียบ่อยครั้งว่า เกิดจาก ขสมก. ตั้งราคากลางต่ำเกินไป จนทำให้ได้รับรถเมล์ที่ไม่มีคุณภาพ โดยเทียบจากอดีตที่ ขสมก. เคยจัดหารถเมล์ยูโรทูสีส้มในราคา 6 ล้านบาทต่อคัน แต่รถเมล์เอ็นจีวีล็อตนี้กลับจัดหาในราคาเพียง 3.88 ล้านบาทต่อคันเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ขสมก. ได้ออกมาปฏิเสธเรื่องดังกล่าว โดยระบุว่าราคากลางดังกล่าวไม่ได้แพง แต่ก็ไม่ถูกเกินไป แต่ยอมรับว่า ขสมก. คงต้องไปปรับปรุงเงื่อนไขการประมูล (TOR) รถเมล์ล็อตถัดไป เพื่อให้ได้รถเมล์ที่มีคุณภาพดีขึ้นกว่าเดิม

Avatar photo