ตลาดหุ้นเอเชีย ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (30 ส.ค.) ทะยานสูงขึ้น หลังจีนทำให้นักลงทุนมีความหวังมากขึ้น ในเรื่องแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการค้ากับสหรัฐ แต่ความกังวลในเรื่องเศรษฐกิจโลกชะลอการเติบโต หรือแม้กระทั่งอาจตกอยู่ในภาวะถดถอย ยังเป็นแรงกดดันที่สกัดขาขึ้นอยู่
ดัชนีนิกเคอิ ตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ญี่ปุ่น เคลื่อนไหวล่าสุด ทะยานขึ้นมา 226.25 หรือ 1.11% ที่ 20,687.18 จุด ดัชนีฮั่งเส็ง ของฮ่องกง ปรับขึ้น 217.96 จุด หรือ 0.85% ที่ 25,921.46 จุด ดัชนีคอมโพสิต เซี่ยงไฮ้ เพิ่มขึ้น 13.84 จุด หรือ 0.48% ที่ 2,904.76 จุด และดัชนีสเตรทไทมส์ สิงคโปร์ ขยับขึ้นมา 25.12 จุด หรือ 0.82% ที่
3,106.95 จุด
ทางด้านดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ของสหรัฐ ปิดซื้อขายเมื่อคืนนี้ (29 ส.ค.) ที่ 26,362.25 จุด เพิ่มขึ้น 326.15 จุด หรือ 1.25% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 2,924.58 จุด เพิ่มขึ้น 36.64 จุด หรือ 1.27% และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 7,973.39 จุด เพิ่มขึ้น 116.51 จุด หรือ 1.48%
รัฐบาลจีนยืนยันว่ากำลังหารือกับสหรัฐเกี่ยวกับการจัดประชุมเพื่อเจรจาการค้าในเดือนกันยายน พร้อมประกาศความตั้งใจที่จะแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการค้ากับสหรัฐอย่างสงบ ข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้า และยังช่วยหนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มอุตสาหกรรมดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
นอกจากความกังวลในเรื่องเศรษฐกิจแล้ว ตลาดยังเกาะติดกับเรื่องที่อังกฤษจะออกจากสหภาพยุโรป (อียู) หรือ เบร็กซิท แบบไร้ข้อตกลง สถานการณ์ที่ทำให้เงินปอนด์อ่อนค่าลงอย่างมาก
ทางด้านราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสอินเตอร์มีเดียท ที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ ปิดเพิ่มขึ้น 93 เซนต์ หรือ 1.7% ที่ 56.71 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 สัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ลดลงอย่างมากในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่ส่งสัญญาณคืบหน้า ยังเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดน้ำมัน
