ตลาดหุ้นเอเชียซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (29 ส.ค.) เคลื่อนไหวอยู่ในช่วงแคบๆ ท่ามกลางความกังวลถึงภาวะเศรษฐกิจโลก หลังผลตอบแทนพันธบัตรทั่วโลกดิ่งลงอย่างหนัก รวมถึง การที่อังกฤษจะออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) หรือเบร็กซิท แบบไร้ข้อตกลง ในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ และปัญหาขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีน กับสหรัฐ ที่ยังเกาะติดตลาดอยู่
ดัชนีนิกเคอิ ตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ของญีปุ่นเคลื่อนไหวล่าสุดปรับตัวลงมา 94.65 จุด หรือ 0.46% มาอยู่ที่ 20,384.77 จุด ดัชนีฮั่งเส็ง ของฮ่องกง ลดลง 230.79 จุด หรือ 0.90% ที่ 25,384.69 จุด ดัชนีคอมโพสิตเซี่ยงไฮ้ ขยับลงมา 7.62 จุด หรือ 0.26% ที่ 2,886.14 จุด และดัชนีสเตรทไทมส์ สิงคโปร์ ลดลง 11.50 จุด หรือ 0.38% ที่ 3,044.97 จุด
ทางด้านดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ของสหรัฐ ปิดซื้อขายเมื่อคืนนี้ (28 ส.ค.)ที่ 26,036.10 จุด พุ่งขึ้น 258.20 จุด หรือ 1.00% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 2,887.94 จุด เพิ่มขึ้น 18.78 จุด หรือ 0.65% และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 7,856.88 จุด เพิ่มขึ้น 29.94 จุด หรือ 0.38%
แม้ตลาดสหรัฐเมื่อคืนนี้ จะได้แรงหนุนในช่วงท้ายของการซื้อขาย จากการเข้าช้อนซื้อหุ้นกลุ่มพลังงาน ขานรับราคาน้ำมันดิบที่พุ่งสูงขึ้น แต่ผลตอบแทนพันธบัตรที่ดิ่งลงอย่างหนักทั่วโลก ก็สร้างความกังงวลให้กับนักลงทุน
นักวิเคราะห์ชี้ว่า ผลตอบแทนพันธบัตรที่ดิ่งลงมานี้ สะท้อนให้เห็นถึงความกังวลที่เพิ่มมากขึ้นว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในระยะยาว มีแนวโน้มที่จะชะลอตัวลง เพราะความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ ซึ่งที่สุดแล้วจะส่งผลกระทบต่อซัพพลายเชนของโลก
กระนั้นก็ตาม ในระยะสั้น ตลาดหุ้นมีแนวโน้มที่จะได้แรงหนุนจากความหวังว่า ประเทศต่างๆ จะออกมาตรการอัดฉีดเศรษฐกิจ โดยเฉพาะจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี)
