บริษัท นีลเส็น (ประเทศไทย) จำกัด รายงานเม็ดเงินโฆษณาผ่านสื่อเดือนกรกฎาคม 2562 พบว่า จากการใช้จ่ายเงินโฆษณารวม 9,143 ล้านบาท ลดลง 0.42% จาก 9,182 ล้านบาทในเดือนกรกฎาคม 2561 ที่น่าสนใจคือ สื่อหนังสือพิมพ์เม็ดเงินโฆษณาลดลงถึง 27.67% หรือจาก 553 ล้านบาทในเดือนกรกฎาคม 2561 เหลือ 400 ล้านบาทในเดือนกรกฎาคม 2562 ขณะที่สื่อในโรงภาพยนตร์เม็ดเงินโฆษณาเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 55.89% เพิ่มจาก 628 ล้านบาท เป็น 979 ล้านบาท
ทั้งนี้ สื่อที่มีเม็ดเงินโฆษณาลดลงในรอบเดือนกรกฎาคม 2562 เปรียบเทียบกรกฎาคม 2561 นอกจากสื่อหนังสือพิมพ์ที่ลดลงมากที่สุดแล้ว ยังตามด้วยสื่อนิตรสารที่ลดลง 24.75% จาก 101 ล้านบาทเหลือ 76 ล้านบาท, สื่อเคเบิลทีวี/ทีวีดาวเทียม ลดลง 3.5% จาก 200 ล้านบาท เหลือ 193 ล้านบาท, สื่อทีวี ลดลง 3.33% จาก 5,973 ล้านบาท เหลือ 5,774 ล้านบาท, สื่อวิทยุลดลง 1.44% จาก 418 ล้านบาท เหลือ 412 ล้านบาท และสื่อกลางแจ้ง ลดลง 0.34% จาก 590 ล้านบาท เหลือ 558 ล้านบาท
สำหรับสื่อที่มีการใช้งบโฆษณาเพิ่มขึ้น นอกจากสื่อในโรงภาพยนตร์ที่เติบโตสูงสุดแล้ว ยังตามด้วย สื่ออินสโตร์ ที่เพิ่มขึ้น 8.79% จาก 91 ล้านบาท เป็น 99 ล้านบาท, สื่อเคลื่อนที่ เติบโต 1.20% จาก 498 ล้านบาท เป็น 504 ล้านบาท ขณะที่สื่ออินเทอร์เน็ตในรอบเดือนกรกฎาคม 2562 มีเม็ดเงินโฆษณาอยู่ที่ 118 ล้านบาท จากปีที่แล้วยังไม่มีการวัดผล
หากพิจารณาเม็ดเงินโฆษณาในรอบปี ตั้งแต่ เดือนกรกฎาคม 2561 – กรกฎาคม 2562 พบว่า มีการใช้จ่ายเงินโฆษณาผ่านสื่อรวม 59,861 ล้านบาท ลดลงบ 1.74% จาก 60,920 ในปี 2561 โดยภาพรวมรอบปี สื่อนิตยสารติดลบมากที่สุดอยู่ที่ 21.12% เม็ดเงินลดลงจาก 754 ล้านบาทเหลือ 594 ล้านบาท ตามด้วยหนังสือพิมพ์ ติดลบ 19.33% เม็ดเงินโฆษณาลดลงจาก 3,456 เหลือ 2,788 ล้านบาท ส่วนสื่อโทรทัศน์ที่ยังครองส่วนแบ่งตลาดกว่า 64% ก็ลดลง 0.97% จาก 39,245 ล้านบาท เหลือ 38,864 ล้านบาท
ส่วนสื่อโฆษณาที่เติบโตในรอบปี เป็นสื่อเคลื่อนที่ เติบโต 5.37% เม็ดเงินจาก3,465 ล้านบาทเพิ่มเป็น 3,650 ล้านบาท ขณะที่สื่อโรงภาพยนตร์เติบโต 4.39% จาก 4,465 ล้านบาท เพิ่มเป็น 4,660 ล้านบาท ตามด้วยสื่ออินสโตร์ เติบโต 1.16% และกลางแจ้ง เติบโต 0.99%
ในส่วนของบริษัทที่ใช้เงินโฆษณาสูงสุดในรอบปี (กรกฎาคม 2561 – กรกฎาคม 2562) ได้แก่ ยูนิลีเวอร์ ใช้เงินโฆษณารวมเกือบ 1,750 ล้านบาท ตามด้วย พีแอนด์จี ใช้ไป 1,489 ล้านบาท และ เนสท์เล่ ที่ใช้งบโฆษณา 1,231 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 670,155 บาท
