ตลาดหุ้นเอเชีย เช้าวันนี้ (6 ส.ค.) ยังร่วงลงอย่างหนักต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ขณะเงินหยวนซื้อขายในต่างแดน ยังอ่อนค่าลงแตะระดับสุดเป็นประวัติการณ์ หลังกระทรวงการคลังสหรัฐ กำหนดสถานะจีนเป็นประเทศปั่นค่าเงิน เพิ่มความรุนแรงในสงครามการค้าระหว่าง 2 ประเทศขึ้นอย่างรวดเร็ว
ดัชนีนิกเคอิ ของญี่ปุ่น เคลื่อนไหวล่าสุด ดิ่งลง 408.23 จุด หรือ 1.97% มาอยู่ที่ 20,312.06 จุด ดัชนีฮั่งเส็ง ของฮ่องกง ร่วงลง 618.71 จุด หรือ 2.37% ที่ 25,532.61 จุด ดัชนีคอมโพสิตเซี่ยงไฮ้ ของจีน ลดลง 59.12 จุด หรือ 2.10% ที่ 2,762.37 จุด และดัชนีสเตรทไทมส์ สิงคโปร์ ปรับลงมา 41.87 จุด หรือ 1.31% ที่ 3,152.64 จุด
ทางด้านดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เมื่อคืนนี้ (5 ส.ค.) ปิดที่ 25,717.74 จุด ร่วงลง 767.27 จุด หรือ 2.90% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 2,844.74 จุด ลดลง 87.31 จุด หรือ 2.98% และดัชนีแนสแด็กปิดที่ 7,726.04 จุด ลดลง 278.03 จุด หรือ 3.47%
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐ “สตีเวน มนูชิน” ระบุว่า รัฐบาลสหรัฐได้ตัดสินใจว่า จีนกำลังปั่นค่าเงิน และจะดำเนินการยื่นเรื่องต่อกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เพื่อกำจัดการแข่งขันที่ไม่ยุติธรรมของจีน
การเคลื่อนไหวครั้งสำคัญของสหรัฐ ต่อจีน ทำให้เกิดความเสี่ยงในตลาดการเงินโลกมากขึ้นในสัปดาห์นี้ โดยจีนปล่อยให้เงินหยวนอ่อนค่าลงมาอยู่ในระดับต่ำกว่า 7 หยวนต่อดอลลาร์เป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี เพื่อตอบโต้มาตรการขึ้นภาษีล่าสุดของสหรัฐ สถานการณ์ที่คาดว่าจะยิ่งทำให้ความตึงเครียดทางการค้าระหว่าง 2 ชาติเศรษฐกิจขนาดใหญ่สุดของโลกตึงเครียดมากขึ้น
โคตะ ฮิรายามะ นักเศรษฐศาสตร์ตลาดเกิดใหม่อาวุโส จากเอสเอ็มบีซี นิกโก ซีเคียวริตีส์ แสดงความเห็นว่า ความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในสถานการณ์การค้าจีน-สหรัฐ ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของเศรษฐกิจ และค่าเงิน ทำให้เกิดแรงเทขายอย่างรุนแรงในตลาด จากการที่นักลงทุนพากันหนีเข้าไปหาสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยแทน
ขณะค่าเงินหยวนในตลาดต่างประเทศเช้าวันนี้ ยังคงอ่อนค่าต่อเนื่อง ล่าสุดเคลื่อนไหวที่ระดับ 7.1288 หยวนต่อดอลลาร์ ทำสถิติอ่อนค่าสุดเป็นประวัติการณ์รอบใหม่
ส่วนเงินเยนที่กำลังถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัย ในช่วงเวลาที่ตลาดปั่นป่วน และเกิดความตึงเครียดทางการเมือง แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย เคลื่อนไหวที่ระดับ 105.850 เยนต่อดอลลาร์ หลังทะยานขึ้นไปทำสถิติแข็งค่าสุดในรอบ 7 เดือนที่ 105.520 เยนต่อดอลลาร์ช่วงสั้นๆ
ความกังวลถึงเรื่องสงครามการค้าที่เพิ่มความรุนแรงขึ้น ยังกดดันให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงอย่างมาก เนื่องจากเกรงว่าผลกระทบจากเรื่องนี้ จะทำให้ความต้องการบริโภคน้ำมันลดลง ทั้งนักลงทุนยังรอดูรายงานปริมาณน้ำมันดิบสำรองรายสัปดาห์ของสหรัฐ ที่มีกำหนดเปิดเผยในวันพรุ่งนี้ (7 ส.ค.)
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส อินเตอร์มีเดียท กำหนดส่งมอบเดือนกันยายนที่ตลาดนิวยอร์ก สหรัฐ เมื่อคืนนี้ลดลง 97 เซนต์ หรือ 1.7% ปิดที่ 54.69 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ทะเลเหนือ กำหนดส่งมอบเดือนตุลาคม ร่วงลง 2.08 ดอลลาร์ หรือ 3.36% ปิดที่ 59.81 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
