ตลาดหุ้นเอเชีย ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (1 ส.ค.) ปรับตัวลดลงเป็นส่วนใหญ่ ตามการดิ่งลงของวอลล์สตรีทเมื่อคืนนี้ (31 ก.ค.) หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ลดดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี แต่ไม่ส่งสัญญาณอย่างชัดเจนถึงการผ่อนคลายในอนาคต
ดัชนีนิกเคอิ ตลาดโตเกียว ปิดซื้อขายช่วงเช้า ขยับขึ้นมา 4.32 จุด หรือ 0.02% ที่ 21,525.85 จุด โดยได้รับแรงหนุนบางส่วนจากเงินเยนที่อ่อนค่าลง เมื่อเทียบกับดอลลาร์ ขณะดัชนีฮั่งเส็ง ของฮ่องกง ลดลง 195.62 จุด หรือ 0.70% ที่ 27,582.13 จุด ดัชนีคอมโพสิตเซี่ยงไฮ้ ของจีน ลดลง 23.35 จุด หรือ 0.80% ที่ 2,909.16 จุด และดัชนีสเตรทไทมส์ ของสิงคโปร์ ลดลง 1.77 จุด หรือ 0.05% ที่ 3,298.98 จุด
ทางด้านดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดซื้อขายเมื่อคืนนี้ที่ 26,864.27 จุด ร่วงลง 333.75 จุด หรือ 1.23% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 2,980.38 จุด ลดลง 32.80 จุด หรือ 1.09% โดยทั้งดัชนีดาวโจนส์และดัชนี S&P500 ต่างก็ปิดร่วงลงในวันเดียวที่หนักที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคมปีนี้ ส่วนดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 8,175.42 จุด ลดลง 98.19 จุด หรือ 1.19%
แม้เฟดจะลดดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาดหวังว่า เพื่อลดความเสี่ยงที่มีต่อเศรษฐกิจสหรัฐ แต่ตลาดการเงินยังผิดหวัง เพราะรู้สึกสับสนว่า จะมีการลดดอกเบี้ยรอบใหม่อีกหรือไม่
นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด แถลงว่า เขายังมีความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจสหรัฐ และยังมองไม่เห็นว่าจะมีภาคธุรกิจใดที่จะประสบปัญหาอย่างหนัก เขาบอกด้วยว่า การที่เฟดลดดอกเบี้ยลงมา 0.25% นั้น เป็นการรับมือกับความเสี่ยงขาลง จากการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกที่ซบเซา และความไม่แน่นอนทางการค้า
“การปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นการป้องกันความเสี่ยงในช่วงขาลงเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ และเพื่อกระตุ้นเงินเฟ้อ เรามองว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นเพียงการปรับเปลี่ยนนโยบายในช่วงกลางวัฏจักร ซึ่งจะช่วยตอบโจทย์ต่อเป้าหมายทั้งหมดของเฟด”
นักลงทุนผิดหวังต่อถ้อยแถลงดังกล่าวของนายพาวเวล เนื่องจากนายพาวเวลไม่ได้ให้การรับประกันว่าเฟดจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในอนาคต ขณะที่นักวิเคราะห์จากยูบีเอสกล่าวว่า แถลงการณ์ของเฟด และถ้อยแถลงของนายพาวเวล ไม่ได้ส่งสัญญาณใดๆที่แสดงให้เห็นว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในอนาคต
