ตลาดศัลยกรรมความงามที่เติบโตต่อเนื่อง ทั้งกลุ่มคลินิกความงาม และโรงพยาบาลที่หันมาให้ความสำคัญกับบริการด้านศัลยกรรมเสริมความงาม รวมถึงโรงพยาบาลศัลยกรรมความงามเฉพาะด้าน จนในปี 2561 ที่ผ่านมาตลาดนี้มีมูลค่ารวม 36,000 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้นจากปี 2560 ประมาณ 6,000 ล้านบาท และคาดว่าในปี 2562 มูลค่าตลาดศัลยกรรมความงามไทยยังจะคงเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 10 – 20% ทำให้เห็นได้ชัดเจนว่าเป็นธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจไม่มากนัก
นพ.ธนัญชัย อัศดามงคล แพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่ง และผู้อำนวยการศูนย์ศัลยกรรมความงาม โรงพยาบาลบางมด เปิดเผยว่า ภาพรวมศูนย์ศัลยกรรมความงาม รพ.บางมด ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ยังคงมีผู้เข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง และเพิ่มมากขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา แม้สภาพเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาจะอยู่ในช่วงอ่อนแรง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ใช้บริการที่เป็นชาวต่างชาติ มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีสัดส่วน 30% จากเดิมอยู่ที่ 10%
ทั้งนี้เนื่องจาก คุณภาพ เทคนิคการผ่าตัด ประสบการณ์และฝีมือความชำนาญของศัลยแพทย์ไทยที่คนทั่วโลกให้การยอมรับ ทำให้ชาวต่างชาติเชื่อมั่นและเดินทางมาประเทศไทย เพื่อเข้ารับการทำศัลยกรรมอย่างต่อเนื่อง แม้จะไม่มีการโฆษณาก็ตาม โดยส่วนใหญ่จะเดินทางมาจากประเทศในแถบยุโรป สหรัฐอเมริกา และเอเชีย อยู่ในระดับกลุ่มไฮเอนด์ เช่น แพทย์, ทนายความ, เจ้าของธุรกิจ, นักแสดงฮอลลีวูด ซึ่งศัลยกรรมยอดนิยมที่ชาวต่างชาติให้ความสนใจคือ ศัลยกรรมดึงหน้า, ศัลยกรรมตา, ศัลยกรรมจมูก และศัลยกรรมเสริมหน้าอก
“ในอนาคตคาดว่า ประเทศไทย จะสามารถก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางการผ่าตัดศัลยกรรมความงามโลกได้อย่างแน่นอน”นพ.ธนัญชัย กล่าว
นอกจากนี้ รพ.บางมด ยังอยู่ระหว่างการวางแผนขยายศูนย์ศัลยกรรมความงามแบบครบวงจร โดยจะเป็นอาคารขนาด 12 ชั้น เพื่อให้ขึ้นเป็นศูนย์กลางศัลยกรรมแห่งเอเชีย (Surgical Hub of Asia) ภายใต้งบการลงทุน 3,000 ล้านบาท
สำหรับในช่วงครึ่งปีหลังต่อจากนี้ ศูนย์ศัลยกรรมความงาม รพ.บางมด ยังคงยึดแนวทางการสื่อสารผ่านเรื่องความปลอดภัย และคุณภาพเป็นหลัก ไม่เน้นการแข่งขันทางด้านราคา นอกจากนี้ จุดแข็งด้านเทคนิคการผ่าตัดเฉพาะทาง ทำให้เกิดการบอกต่อแบบปากต่อปากในกลุ่มผู้สนใจทำศัลยกรรม รวมทั้ง รุกขยายฐานกลุ่มเป้าหมายชาวต่างชาติ และกลุ่มคนไทยระดับไฮเอนด์เพิ่มขึ้น ผ่านทุกช่องทางออนไลน์
