พรรคเสรีประชาธิปไตย (แอลดีพี) ของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ผู้นำญี่ปุ่น ประกาศชัยชนะในการเลือกตั้งวุฒิสภา เมื่อวานนี้ (21 ก.ค.) แต่ยังไม่ได้คะแนนเสียงมากพอ สำหรับการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ตั้งความหวังมานาน เนื่องจากยังได้คะแนนเสียงไม่ถึง 2 ใน 3 ของสภา ที่กำหนดไว้สำหรับการเริ่มต้นกระบวนการดังกล่าว
อย่างไรก็ดีชัยชนะที่ได้มาครั้งล่าสุดนี้ จะช่วยหนุนแผนการของนายอาเบะ ที่จะปรับขึ้นภาษีอุปโภคบริโภค และเปิดทางให้เขาสามารถพุ่งเป้าไปยังเรื่องเจรจาการค้ากับสหรัฐ รวมถึงข้อขัดแย้งกับเกาหลีใต้ที่ขยายวงกว้างขึ้น
ในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด เพื่อชิง 124 ที่นั่งในสภาสูงนั้น รัฐบาลผสมญี่ปุ่นกวาดที่นั่งมาครองทั้งหมด 71 ที่นั่ง ในจำนวนนี้เป็นของแอลดีพี 57 ที่นั่ง ซึ่งจำนวนที่ได้มานั้น รวมกับจำนวนส.ว. ในส่วนที่ยังไม่ได้เลือกตั้งใหม่อีก 70 ที่นั่ง ทำให้รัฐบาลผสมของญี่ปุ่นมีที่นั่งในสภาสูงทั้งหมด 141 ที่นั่งมากพอที่จะครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาได้
อย่างไรก็ดี เมื่อนำจำนวนเสียงในสภา ของพรรคแอลดีพี โคเมอิโตะ และนิปปอน ไอชิน โนะ ไค ซึ่งเป็นพรรคที่สนับสนุนให้แก้ไขรัฐธรรมนูญมารวมกันยังได้แค่เพียง 157 เสียงเท่านั้น ไม่ถึงจำนวน 164 เสียง หรือ 2 ใน 3 ของจำนวนที่นั่งทั้งหมดในรัฐสภา
นักวิเคราะห์ชี้ว่า สถานการณ์ดังกล่าวอาจกดดันให้นายอาเบะ ต้องหันไปหาส.ส.แนวคิดอนุรักษ์นิยมของฝ่ายค้าน เพื่อให้ได้เสียงสนับสนุนสำหรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งคาดว่า ผู้นำญี่ปุ่นอาจดำเนินความพยายามนี้ ก่อนหน้าที่จะมีการประชุมสภาสมัยวิสามัญ ในช่วงปลายปีนี้
“การเลือกตั้งครั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องของการได้เสียง 2 ใน 3 ในสภาบน แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการรักษาเสถียรภาพทางการเมืองของญี่ปุ่นล้วนๆ การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ได้ขึ้นอยู่กับรัฐบาลเท่านั้น แต่เป็นรัฐสภา และผมหวังถึงการหารือในเชิงสร้างสรรค์ เพื่อให้เรื่องนี้เดินหน้า” นายอาเบะ กล่าวต่อรายการโทรทัศน์ีรายการหนึ่งเมื่อคืนวานนี้
