นมไทย-เดนมาร์ค ปั้นโมเดลร้านรูปแบบใหม่ “อีโค มิลค์แลนด์” ล็อกเลขมงคล สาขาที่ 9 จับเทรนด์รักษ์โลก พร้อมเดินหน้าขยายแฟรนไชส์ร้านมิลค์แลนด์ครบ 100 สาขาปีนี้ ดันรายได้รวมปีนี้แตะ 10,000 ล้านบาท
ดร.ณรงค์ฤทธิ์ วงศ์สุวรรณ ผู้อำนวยการ องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) เปิดเผยว่า หลังจากเปิดขายแฟรนไชส์ร้านไทย-เดนมาร์ค มิลค์แลนด์ ในปี 2561 ทีผ่านมา จนถึงปัจจุบันขยายจำนวนแฟรนไชส์ไปแล้ว 18-19 สาขา และคาดว่าจะขยายสาขาได้ครบ 100 สาขาภายในปี 2562 นี้
พร้อมกันนี้ ยังมีแผนเปิดโมเดลร้านรูปแบบใหม่ ภายใต้ชื่อ อีโค มิลค์แลนด์ ซึ่ง อ.ส.ค.ได้เลือกไว้เป็นสาขาที่ 9 ซึ่งเป็นเลขมงคลเพื่อระลึกถึงในหลวงรัชกาลที่ 9 พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โดยจะมีความพิเศษตรงที่สร้างจากกล่องนมรีไซเคิลและวัสดุรีไซเคิลทั้งหมด พร้อมทั้งวางเป้าหมายเป็นร้านค้าจับกลุ่มเป้าหมายระดับพรีเมียม คาดใช้งบลงทุน 5 ล้านบาท คาดเปิดบริการได้ประมาณเดือนตุลาคม – พฤศจิกายน 2562
“หากร้านอีโค มิลค์แลนด์ เปิดให้บริการและได้รับผลตอบรับดี จะใช้เป็นโมเดลร้านต้นแบบเพื่อขยายสาขารูปแบบดังกล่าวต่อไปเพื่อจับกลุ่มเป้าหมายระดับพรีเมียม”ดร.ณรงค์ฤทธิ์กล่าว
ขณะที่การเปิดร้านไทย-เดนมาร์ค มิลค์แลนด์ นั้น มีแนวคิดจากการลงทุนเครื่องจักรครั้งใหญ่ที่โรงงานสระบุรี จึงเปิดร้านดังกล่าวขึ้นเพื่อรองรับกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งสนับสนุนการดื่มนมของคนไทย ซึ่งเป็นภารกิจหลักของอ.ส.ค. ซึ่งเครื่องดื่มที่จำหน่ายในร้านจะเน้นจุดขายของการใช้นม 100% ทั้งหมด และจะพัฒนาเมนูใหม่ๆ เพิ่มขึ้นในอนาคต เช่น อาหารเช้า ของทานเล่น เป็นต้น
ทั้งนี้ เนื่องจากปัจจุบันอัตราการบริโภคนมของคนไทยยังน้อยเมื่อเทียบกับประเทศอื่น โดยอยู่ที่ 15 ลิตรต่อคนต่อปี ขณะที่เป้าหมายของกระทรวงเกษตร ตั้งเป้าเพิ่มอัตราการดื่มนมของคนไทยให้อยู่ที่ 25 ลิตรต่อคนต่อปีภายในปี 2564
ปัจจุบัน อ.ส.ค.จำหน่ายนมไทย-เดนมาร์ค ผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งโมเดิร์นเทรด ที่อ.ส.ค. เป็นผู้ดำเนินการเอง และจำหน่ายเข้าร้านค้ารายย่อยทั่วประเทศผ่านทางเอเย่นต์ที่มีอยู่ 9 ราย และคาดว่าปีนี้จะเพิ่มอีก 1-2 ราย โดยมีสัดส่วนเท่ากันที่ 50:50 นอกจากนี้ยังเร่งทำการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มมากขึ้นด้วย
ขณะเดียวกัน ยังให้ความสำคัญกับการขยายตลาดส่งออกอย่างต่อเนื่อง จากปัจจุบันที่ส่งออกไปจำหน่ายในประเทศกัมพูชา สัดส่วน 80% ที่เหลือ 20% จำหน่ายในเมียนมาร์และลาว รวมทั้งมองหาตลาดใหม่ๆ เช่น จีน และเวียดนาม รวมถึงมาเลเซีย โดยสิ้นปี 2561 ที่ผ่านมามียอดขายจากตลาดต่างประเทศ 1,200-1,300 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมปีนี้คาดว่าจะปิดยอดขายอยู่ที่ 10,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ นมไทย-เดนมาร์ค ยังเป็นผู้นำตลาดนมยูเอชที ด้วยส่วนแบ่งตลาด 48% จากมูลค่าตลาดรวม 16,000 ล้านบาท ซึ่งมีอัตราการเติบโตลดลง 2-3% ขณะที่ตลาดรวมนมพร้อมดื่มทั้งหมดมีมูลค่าประมาณ 4 หมื่นล้านบาท เติบโตเพียง 1% ขณะที่ อ.ส.ค.คาดว่าจะเติบโตมากกว่าตลาดรวม โดยตั้งเป้าเติบโตปีนี้ 3% จากปีที่ผ่านมา
