นักวิเคราะห์ระบุ เหตุการณ์โจมตีเรือบรรทุกน้ำมัน บริเวณอ่าวโอมานเมื่อวานนี้ (13 มิ.ย.) อาจเป็นการจุดชนวนให้เกิดสงครามระหว่างอิหร่าน กับสหรัฐ
เรือบรรทุกน้ำมัน 2 ลำเกิดระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง ในบริเวณใกล้กับชายฝั่งโอมาน ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดในเรื่องดังกล่าว แต่รายงานข่าวบางกระแส ยืนยันว่า เรือลำหนึ่งโดนโจมตีด้วยตอร์ปิโด
อเลสซานโดร บรูโร นักวิเคราะห์จากกัลฟ์ สเตท อะนาไลติคส์ แสดงความเห็นว่า การโจมตีด้วยตอร์ปิโดเป็นเรื่องที่สมเหตุผล โดยตอร์ปิโดบางชนิดสามารถยิงจากเครื่องบินที่อยู่ในระยะห่างได้ เช่นเดียวกับเรือดำน้ำ
“นอกจากนี้ ถ้าหากเรือโดนโจมตีจากสิ่งที่อยู่เหนือระดับน้ำทะเล เช่น จากเรือด้วยกันเอง ก็จะต้องมีผู้เห็นเหตุการณ์”
รัฐบาลสหรัฐกล่าวหาอิหร่านว่า เป็นผู้ก่อเหตุในครั้งนี้ แต่ไม่ได้ให้หลักฐานสนับสนุนการกล่าวหาดังกล่าวแต่อย่างใด ซึ่งบรูโน เชื่อว่า อาจมีคนจำนวนหนึ่งที่มีความสนใจในเรื่องนี้ ด้วยเหตุผลบางอย่าง
เขายังมองว่า เหตุระเบิดเรือที่เกิดขึ้น ดูเหมือนจะเป็นเทคนิคที่จอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ จะนำมาใช้ประโยชน์ ที่จะทำให้อิหร่านเกิดปัญหาตามมา และจุดชนวนให้เกิดความขัดแย้ง
หลังจากที่สหรัฐ ถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านเมื่อปีที่แล้ว ทรัมป์ยืนยันจะต้องมีการลงนามในข้อตกลงที่จะต้องนำเรื่องการพัฒนาขีปนาวุธของอิหร่านเข้ามารวมไว้ด้วย ซึ่งอิหร่านปฏิเสธที่จะเข้าร่วมการเจรจาใด แม้จะโดนสหรัฐกดดันอย่างหนัก ด้วยการส่งเรือรบเข้าสู่อ่าวเปอร์เซีย และเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรมากขึ้น
นักวิเคราะห์รายนี้ ยังกล่าวถึงข้อเท็จจริงสำคัฐอีกอย่างหนึ่ง ที่ไม่ควรมองข้าม คือ เหตุการณ์โจมตีเรือดังกล่าว เกิดขึ้นวันเดียวกับที่นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ผู้นำญี่ปุ่น เริ่มต้นการเยือนอิหร่าน ซึ่งเป็นการเดินทางเยือนในระดับสูงครั้งแรก นับตั้งแต่ปี 2522 เป็นต้นมา
“ญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในหลายประเทศ ที่ได้รับผลกระทบมากสุดจากการที่ทรัมป์สั่งคว่ำบาตรอิหร่าน เพราะญี่ปุ่นเป็นผู้ซื้อน้ำม้นอิหร่านรายใหญ่สุดรายหนึ่ง”
กระนั้นก็ตาม มีความเป็นไปได้เช่นกันว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการเยือนของอาเบะแต่อย่างใด
“ประเทศนี้ไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับวิกฤติที่เกิดขึ้นในอ่าวเปอร์เซีย โอมาน ก็มีความสัมพันธ์ที่ดีอย่างมากกับกาตาร์ และยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับอิหร่านด้วย”
