ตลาดหลักทรัพย์ทั่วเอเชีย เปิดซื้อขายวันนี้ (13 มิ.ย.) พร้อมใจกันเดินสู่ขาลง ท่ามกลางความไม่มั่นใจถึงการแก้ปัญหาข้อขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบยังร่วงไม่หยุด ผลจากปริมาณน้ำมันดิบสำรองในสหรัฐที่เพิ่มมากขึ้น และแนวโน้มความต้องการที่ซบเซาลง
ดัชนีนิกเคอิ ตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ในญี่ปุ่นลดลง 136.62 จุด หรือ 0.65% มาอยู่ที่ 20,993.10 จุด ดัชนีฮั่งเส็ง ตลาดฮ่องกง อยู่ที่ 26,938.47 จุด ลดลง 369.99 จุด หรือ 1.35% ดัชนีคอมโพสิต ตลาดเซี่ยงไฮ้ จีน ปรับลงมา 8.63 จุด หรือ 0.30% ที่ 2,900.75 จุด และดัชนีสเตรมไทมส์ ของสิงคโปร์ ลดลง 13.48 จุด หรือ 0.42% ที่ 3,194.26 จุด
ขาลงของตลาดเอเชีย ยังเป็นไปในทิศทางเดียวกับวอลล์สตรีทเมื่อคืนนี้ (12 มิ.ย.) ที่ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,004.83 จุด ลดลง 43.68 จุด หรือ 0.17% ดัชนีแนสแด็กปิดที่ 7,792.72 จุด ลดลง 29.85 จุด หรือ 0.38% และดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 2,879.84 จุด ลดลง 5.88 จุด หรือ 0.20%
นักวิเคราะห์ชี้ว่า นักลงทุนในตลาดยังมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีน กับสหรัฐ ที่ยังไม่มีแนวโน้มจะหาทางแก้ไขปัญหาได้ แม้จะมีความหวังเพิ่มขึ้นว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจตัดสินใจลดดอกเบี้ย หลังจากข้อมูลเงินเฟ้อล่าสุดของสหรัฐยังอ่อนแออยู่
ตลาดฮ่องกง ยังได้รับผลกระทบจากเหตุชุมนุมประท้วงต่อต้านร่างกฎหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนฉบับปรับปรุงใหม่ เมื่อวานนี้ ที่บานปลายกลายเป็นเหตุรุนแรง ตำรวจต้องใช้กระสุนยาง และแก๊สน้ำตาสลายกลุ่มผู้ชุมนุม
ขณะที่ราคาน้ำมันในช่วงเช้าวันนี้นั้น ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง หลังข้อมูลแสดงให้เห็นว่า ปริมาณน้ำมันดิบสำรองของสหรัฐ เพิ่มขึ้นเกินคาด โดยราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส อินเตอร์มีเดียท ปรับลดลงมาเล็กน้อยเคลื่อนไหวล่าสุด ที่ระดับ 51.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 14 มกราคมที่ผ่านมา ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ทะเลเหนือ อยู่ที่ 60.01 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
