“พราด้า” แบรนด์แฟชั่นชั้นนำจากอิตาลี ประกาศเลิกนำขนสัตว์มาใช้กับผลิตภัณฑ์ของบริษัท ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นไป
โจห์ วินดิง ประธานกลุ่มพันธมิตรปลอดขนสัตว์ (เอฟเอฟเอ) ซึ่งเป็นกลุ่มพันธมิตรขององค์กรปกป้องสิทธิสัตว์มากกว่า 50 แห่ง เปิดเผยว่า ขณะนี้ พราด้า กรุ๊ป พร้อมด้วยแบรนด์สินค้าในเครือได้เข้าร่วมเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ไม่มีขนสัตว์แล้ว เพื่อตอบสนองต่อเสียงเรียกร้องของผู้บริโภค
พราด้าจะไม่นำขนสัตว์เข้ามาใช้ในการออกแบบ หรือผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัทอีกต่อไป แต่จะวางจำหน่ายสินค้าที่ผลิตออกมาแล้วต่อไป
มิวเชีย พราด้า ซีอีโอร่วม และหัวหน้านักออกแบบของพราด้า กล่าวว่า การพุ่งเป้าไปยังวัสดุที่เป็นนวัตกรรมใหม่ จะทำให้บริษัทแสวงหาเขตแดนใหม่สำหรับการออกแบบอย่างสร้างสรรค์ และสอดคล้องกับความต้องการผลิตภัณฑ์ที่มีจริยธรรมด้วย
As part of the #PradaGroup, #Prada has announced, in collaboration with the @FurFreeAlliance, that it will no longer use animal fur in its designs or new products, starting with #PradaSS20 Women’s collections. #PradaGroupFurFree#FurFreeRetailer#FutureofFashion#FurFree pic.twitter.com/Np6HCL0w2d
— PRADA (@Prada) May 22, 2019
การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะเริ่มมีผลตั้งแต่คอลเลคชันเสื้อผ้าผู้หญิงสำหรับฤดูใบไม้ผลิ-ฤดูร้อน 2563 และการเคลื่อนไหวนี้ จะครอบคลุมไปถึงแบรนด์มิว มิว เชิร์ชส์ และคาร์ ชู ด้วย
การเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้น หลังจากเมื่อปีที่แล้ว ผู้ผลิตสินค้าหรูหราของอังกฤษ “เบอเบอร์รี” ประกาศยุติการใช้ขนสัตว์แท้ในผลิตภัณฑ์ของบริษัท และจะค่อยๆ ดึงสินค้าที่มีขนสัตว์เป็นส่วนประกอบออกจากตลาด เช่นเดียวกับ “กุชชี่” แบรนด์แฟชั่นหรูอีกรายหนึ่ง ที่ยุติการใช้ขนสัตว์ มาตั้งแต่การเปิดตัวเสื้อผ้าคอลเลคชันฤดูใบไม้ผลิต-ฤดูร้อน ปี 2561
เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้บรรดานักรณรงค์เพิ่มความพยายามมากขึ้น ในการเรียกร้องให้พราด้ายุติการใช้ขนสัตว์ตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งพราด้ามีเสื้อแจ็คเก็ตที่ทำจากขนสุนัขจิ้งจอก และมิงค์ ออกจำหน่าย
