มาตรการใหม่ของสหรัฐ ที่ควบคุมการส่งออกไปยัง “หัวเว่ย เทคโนโลยีส์” อาจทำให้บรรดาบริษัทเทคโนโลยีในซิลิคอน วัลเลย์ สูญเสียรายได้ไปหลายพันล้านดอลลาร์ ขณะยักษ์ใหญ่จากจีนเมินผลกระทบ ระบุ เตรียมพร้อมสำหรับเรื่องนี้มาหลายปีแล้ว ทั้งยังมี “ชิพสำรอง” ที่จะช่วยให้บริษัทอยู่รอดได้
หัวเว่ย ผู้ผลิตอุปกรณ์โทรคมนาคมรายใหญ่สุดของโลก และผู้ขายสมาร์ทโฟนรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก ใช้บริการบริษัทเทคโนโลยีอเมริกันหลายสิบราย ในการจัดหาชิ้นส่วนต่างๆ
เมื่อปีที่แล้ว หัวเว่ยจ่ายเงินไป 70,000 ล้านดอลลาร์ สำหรับการซื้ออุปกรณ์ และชิ้นส่วนต่างๆ จากซัพพลายเออร์ 13,000 ราย ในจำนวนนี้รวมถึงราว 11,000 ล้านดอลลาร์ ที่ซื้อสินค้าจากธุรกิจสหรัฐหลายสิบราย รวมถึง ชิพคอมพิวเตอร์จากควอลคอมม์ และบรอดคอม นอกเหนือจากซอฟต์แวร์ของไมโครซอฟท์ และระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ของกูเกิล
นักวิเคราะห์จากยูเรเซีย กรุ๊ป ระบุว่า การที่สหรัฐขึ้นบัญชีดำหัวเว่ย สร้างความเสี่ยงให้ทั้งตัวหัวเว่ย และเครือข่ายลูกค้าของบริษัททั่วโลก เนื่องจากบริษัทจะไม่สามารถอัพเกรดซอฟต์แวร์ ดำเนินการซ่อมบำรุงอย่างสม่ำเสมอ และเปลี่ยนฮาร์ดแวร์ได้
การที่หัวเว่ยโดนแบนจากทำเนียบขาว ยังส่งผลกระทบต่อซัพพลายเชนโลกด้วย เพราะบรรดาบริษัทต่างชาติ จะไม่สามารถขายสินค้าที่มีชิ้นส่วน และอุปกรณ์ ที่ผลิตจากบริษัทสหรัฐ ให้กับหัวเว่ยได้เช่นกัน
อย่างไรก็ดี หัวเว่ยระบุว่า บริษัทใช้เวลานานหลายปีเตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์เช่นนี้ไว้แล้ว
“การตัดสินใจที่เกิดขึ้น เป็นการเคลื่อนไหวล่าสุดในการรณรงค์ต่อต้านหัวเว่ยโดยรัฐบาลสหรัฐ และด้วยเหตุผลทางการเมือง” เคน หู ประธานกรรมการหมุนเวียนของหัวเว่ย ระบุในบันทึกภายในถึงพนักงานบริษัท
“บริษัทรู้ดีถึงความเป็นไปได้ในเรื่องนี้มานานหลายปีแล้ว เราลงทุนอย่างหนัก และเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ในหลายๆ ด้าน”
เช่นเดียวกับหน่วยงานด้านการออกแบบชิพของหัวเว่ย ที่ระบุว่า ได้เตรียมพร้อมสำหรับ “สถานการณ์ที่รุนแรงสุดขีด เพื่อการอยู่รอด”
ในบันทึกภายในบริษัทนั้น เหอ ติงโป๋ ประธานบริหารไฮซิลิคอน ระบุว่า บริษัทได้ตั้งข้อสมมุติฐานมาก่อนแล้วว่า “วันหนึ่ง จะไม่สามารถใช้เทคโนโลยี และชิพที่ใช้เทคโนโลยีก้าวหน้าของสหรัฐได้” และเพื่อรับประกันว่า หัวเว่ยจะสามารถให้บริการลูกค้าต่อไปได้ ไฮซิลิคอนจึงได้สร้างชิพสำรองขึ้นมา เพื่อที่บริษัทจะอยู่รอดได้
เธอบอกด้วยว่า สหรัฐตัดสินใจอย่างบ้าคลั่งที่สุด ในการขึ้นบัญชีดำหัวเว่ย
“ในวันนี้ ชิพสำรองที่เราสร้างขึ้นมา ได้กลายมาเป็น แผนเอ ในเวลาเพียงแค่ชั่วข้ามคืน”
กระนั้นก็ตาม เร็กซ์ อู๋ นักวิเคราะห์จากเจฟเฟอรีส์ บริษัทโบรกเกอร์ มองว่า เป็นเรื่องยากสำหรับหัวเว่ยที่จะยืนหยัดอยู่ได้ หากถูกตัดขาดจากซัพพลายเออร์ไปเป็นเวลานาน เพราะบริษัทอเมริกันเป็นเจ้าตลาดในเรื่องซอฟต์แวร์สำหรับสมาร์ทโฟน และอุปกรณ์โทรคมนาคม ทั้งหัวเว่ยยังขาดทางเลือกอื่นๆ นอกเหนือจากชิพคอมพิวเตอร์อเมริกัน สำหรับสถานีโทรคมด้วย
ข้อเท็จจริงดังกล่าวหมายความว่า แม้หัวเว่ยจะเป็นผู้นำในเทคโนโลยี 5จี แต่ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับเครือข่ายไร้สายที่มีความเร็วสูงมากนี้ ยังต้องการชิ้นส่วนที่เป็นของบริษัทอเมริกันอยู่
ยิ่งไปกว่านั้น หัวเว่ยยังทำข้อตกลงเชิงพาณิชย์ในด้าน 5จี หลายสิบฉบับทั่วโลก รวมถึงสัญญา 25 ฉบับในยุโรป และ 10 ฉบับในตะวันออกกลาง ซึ่งการทำตามข้อตกลงที่ทำไว้จะเป็นเรื่องยากมากขึ้น ถ้าหัวเว่ยไม่ได้ใช้ซอฟต์แวร์ หรือชิพคอมพิวเตอร์จากสหรัฐ
