Business

‘ไทยคม’ลุยต่อ 3 แผนงานเข้มค่าใช้จ่าย

บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) (THCOM) ผู้ให้บริการดาวเทียมไทย รายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 1/2562 ณ วันที่ 31 มีนาคม 2562 บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา รวมทั้งไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า แต่มีการบริหารค่าใช้จ่ายที่ดี ทำให้กำไรจากการดำเนินงานปกติปรับตัวดีขึ้น แต่ยังคงมีผลขาดทุนสุทธิเนื่องจากการตัดจำหน่ายสินทรัพย์ในไตรมาสนี้

บริษัทมีรายได้จากการขายและการให้บริการในไตรมาสที่ 1/2562 รวมทั้งสิ้น 1,303 ล้านบาท ลดลง 13.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4/2561 และลดลง 13.4% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1/2561 โดยมีสาเหตุหลักจากการลดลงของรายได้จากการให้บริการดาวเทียมแบบทั่วไปจากการปรับราคาให้แก่ลูกค้ารายใหญ่สำหรับการต่อสัญญาระยะยาว ในขณะที่รายได้จากดาวเทียมบรอดแบนด์ไทยคม 4 ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

ไทยคม556

อย่างไรก็ตาม บริษัทสามารถรักษาระดับกำไรจากการดำเนินงานปกติ (EBIT) ได้ที่ 96 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้นมากจากไตรมาสที่ 4/2561 ที่มีผลขาดทุนจากการดำเนินงานปกติ 126 ล้านบาท และไตรมาสที่ 1/2561 ที่มีผลขาดทุนจากการดำเนินงานปกติ 20 ล้านบาท  บริษัทมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ยจ่าย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) อยู่ที่ 559 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรก่อนหักดอกเบี้ยจ่าย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA Margin) ที่ระดับ 43%  เพิ่มขึ้นจาก 24% ในไตรมาส 4/2561 และ 31% ในไตรมาส 1/2561 เนื่องมาจากสามารถบริหารค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ส่งผลให้บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิในไตรมาสที่ 1/2562 เป็นจำนวน  33 ล้านบาท  เป็นผลมาจากการตัดจำหน่ายสินทรัพย์เป็นจำนวน 34 ล้านบาท รวมทั้งผลขาดทุนจากส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในการร่วมค้าเป็นจำนวน  5  ล้านบาท

บริษัทยังคงมุ่งมั่นที่จะให้บริการด้านดาวเทียมที่ดีแก่พันธมิตรและลูกค้าในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก  ยังให้ความสำคัญกับการปรับโครงสร้างการจัดการ รวมถึงการควบคุมค่าใช้จ่ายการจัดการดังกล่าว สามารถช่วยชดเชยรายได้ที่ลดลงจากบริการดาวเทียมได้ในระดับหนึ่ง เริ่มเห็นผลลัพธ์ของกำไรจากการดำเนินงานที่ดีขึ้นไตรมาสที่ผ่านมา

 

ไทยคม11
อนันต์ แก้วร่วมวงศ์

นายอนันต์ แก้วร่วมวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ไทยคม กล่าวว่าช่วงที่ผ่านมา บริษัทได้ปรับโครงสร้างองค์กร และให้ความสำคัญกับการบริหารและควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ โดยปี 2562 บริษัทยังคงเดินหน้าตามแผนกลยุทธ์ ที่ได้กำหนดธุรกิจออกเป็น 3 ทิศทาง  1. ด้านธุรกิจดาวเทียมด้วยการแสวงหารูปแบบการลงทุนดาวเทียมด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยร่วมกับพันธมิตรในต่างประเทศ เปิดกว้างในการทำงานเพื่อให้เกิดความร่วมมือสูงสุดระหว่างภาครัฐและเอกชน (public-private partnership – PPP)

2. ด้านธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับดาวเทียม  ใช้จุดแข็งด้านการตลาดและวิศวกรรมในการพัฒนาธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวข้อง กับบริการดาวเทียมและการสื่อสารมาพัฒนาเป็นธุรกิจและบริการ

3.ด้านธุรกิจใหม่ โดยมุ่งไปที่ธุรกิจด้านเทคโนโลยีและดิจิตอล เพื่อลดการพึ่งพารายได้จากดาวเทียมเพียงอย่างเดียว

ในส่วนของกลุ่มบริษัทในเครือ บริษัท ลาว เทเลคอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด (แอลทีซี) ในประเทศลาว มีจำนวนผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ (ไม่นับรวม fixed line) ในระบบรวมทั้งสิ้น 1.48 ล้านราย ยังคงมีส่วนแบ่งในตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นอันดับหนึ่ง คิดเป็นประมาณ 56% ของตลาดรวม

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight