“ช.การช่าง” มั่นใจการเมืองไม่กระทบเมกะโปรเจ็ค ลุยประมูลงานก่อสร้าง 3 แสนล้านบาท ดันรายได้ปีนี้แตะเป้า 2.5-3 หมื่นล้านบาท เผยกำลังถกพันธมิตรแบ่งเค้ก “ไฮสปีดสามสนามบิน”
น.ส.สุภามาส ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในช่วงสิ้นปี 2561 บริษัทมีงานในมือ (Backlog) มูลค่า 48,965 ล้านบาท คาดว่าปีนี้จะรับรู้รายได้ประมาณ 25,000-30,000 ล้านบาทและที่เหลือจะทยอยรับรู้รายได้ในปี 2563
ในปี 2562 บริษัทตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ประมาณ 25,000-30,000 ล้านบาท โดยนับเป็นการตั้งเป้าหมายในระดับต่ำ (Conservative) ไว้ก่อนและจะพยายามรักษาอัตรากำไรเบื้องต้นไว้ที่ 8% ใกล้เคียงกับผลประกอบการปี 2561 ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 7.92%
น.ส.สุภามาส กล่าวต่อว่า ช. การช่าง จะมุ่งเน้นการประมูลงานโครงสร้างพื้นฐานและโครงการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) ซึ่งมีมูลค่ารวมทั้งสิ้นประมาณ 1.77 ล้านล้านบาท เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน, โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก ศูนย์วัฒนธรรม-บางขุนนนท์, โครงการทางสายพิเศษ (ทางด่วน) สายพระราม 3-ดาวคะนอง, โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน เป็นต้น
สำหรับโครงการในต่างประเทศ จะเน้นโครงการในแถบโซนเอเชียและบริษัทจะเน้นการประมูลงานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ที่มีความเสี่ยงน้อยและผลตอบแทนที่เหมาะสม โดยโครงการที่บริษัทกำลังศึกษาอยู่ได้แก่ โครงการก่อสร้างทางด่วนย่างกุ้งในประเทศเมียนม่าร์ มูลค่า 12,000-13,000 ล้านบาท, โครงการพัฒนาระบบน้ำประปาในประเทศศรีลังกา และโครงการไฟฟ้าพลังน้ำใน สปป.ลาว ซึ่ง CKP กำลังเจรจากับรัฐบาลลาวอยู่ คาดว่าจะเห็นความคืบหน้าเร็วๆ นี้
“สำหรับงานต่างประเทศยังบอกมูลค่าไม่ได้ เพราะเป็นการเจรจาตรง ถ้าตกลงได้ก็ลงนามสัญญา สำหรับงานในประเทศไทยก็ตั้งเป้าว่าจะร่วมประมูลโครงการมูลค่ารวมประมาณ 2-3 แสนล้านบาทในปีนี้” นางสาวสุภามาสกล่าว
สำหรับความเสี่ยงด้านการเมืองนั้น บริษัทมองว่าไม่มีน่าจะส่งผลกระทบมากนัก เนื่องจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดปัจจุบันยังมีอำนาจอนุมัติโครงการได้และโครงการต่างๆ ก็ยังคงเดินหน้าตามขั้นตอน อีกทั้งธนาคารก็ยังคงมั่นใจในการปล่อยเงินกู้
ด้านความคืบหน้าของโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน ซึ่งบริษัทเข้าร่วมประมูลในนามกิจการร่วมค้า บริษัท เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด และพันธมิตร (กลุ่ม CP) นั้น ล่าสุดก็คาดว่าจะได้ลงนามกับการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ภายในวันที่ 15 มิถุนายน 2562 โดยขณะนี้บริษัทกำลังหารือกับพันธมิตรว่า จะแบ่งงานการก่อสร้างกันอย่างไร
ด้านโครงการพัฒนาที่ดินแปลง A ของสถานีกลางบางซื่อของการรถไฟฯ นั้น ล่าสุด ช.การช่าง และ BEM ซึ่งเป็นบริษัทลูกก็ได้เข้าไปซื้อเอกสารประกวดราคา (TOR) มาศึกษาแล้ว แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเข้าประมูลหรือไม่
สำหรับการเจรจากับการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ในการขยายสัมปทานทางด่วนเพื่อแลกกับหนี้สินที่เกิดจากข้อพิพาทนั้น ล่าสุดคณะกรรมการ (บอร์ด) การทางพิเศษฯ มีมติเห็นชอบเรื่องนี้แล้วและอยู่ในขั้นตอนการเสนอให้ ครม. พิจารณาต่อไป
นายปลิว ตรีวิศวเวทย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK เปิดเผยว่า ในปี 2562 บริษัทจะยังคงมุ่งไปที่การเตรียมความพร้อมและความแข็งแกร่งของกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ จากการผนึกกำลังของบริษัทต่าง ๆ ในเครือ ซึ่งต่างเป็นผู้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นทั้งระบบราง ถนน พลังงานและประปา
ประกอบด้วย บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM, บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKP และ บริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน) หรือ TTW ซึ่งสามารถสร้างรายได้และปันผลสม่ำเสมอให้แก่บริษัท ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยบริหารความเสี่ยงและสร้างความยืดหยุ่นในการดำเนินธุรกิจให้แก่ ช.การช่างอย่างมีเสถียรภาพ ท่ามกลางความผันผวนที่เกิดจากวงจรธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง
