Politics

ไม่ต้องถึงศาล!! ‘เพื่อไทย’ ชี้สูตรคำนวณ ส.ส. ยึดหลักกฎหมายก็พอ

“เพื่อไทย” ตำหนิ “กกต.” คำนวณสูตร ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์ไม่ยึดหลักขั้นตอนกฎหมายจนต้องยื่นศาลตีความ ยันไร้ข้อความส่วนใดขัดหรือแย้ง

นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย (พท.) เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติเมื่อวันที่ 11 เมษายน ที่ผ่านมา ให้เสนอเรื่องวิธีการคำนวณ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยนั้น ส่วนตัวเห็นว่ามีข้อที่ต้องพิจารณา 2 ประเด็น โดย ประเด็นแรก เหตุผลที่ กกต. อ้างเป็นเหตุผลที่ถูกต้องหรือไม่ อย่างไร

1 e1555060085383

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาข้ออ้างของ กกต. ที่ว่ามีพรรคหลายพรรคที่มีจำนวน ส.ส.พึงมีได้ต่ำกว่าหนึ่งคน แต่เมื่อคำนวณตามมาตรา 128 (5) แล้วทำให้พรรคเหล่านั้นได้ ส.ส.1 คน จึงอาจทำให้ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 91 (2) และ (4) ที่ห้ามจัดสรรที่มีผลให้พรรคการเมืองได้ ส.ส. มากกว่าจำนวนที่พึงมีนั้น ประเด็นดังกล่าวเห็นว่าหากอ่านรัฐธรรมนูญมาตรา 91 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 128 อย่างเป็นขั้นตอนจะไม่มีข้อความส่วนใดขัดหรือแย้งกันเลย

อย่างไรก็ตาม แต่ที่ กกต. เห็นว่ามีปัญหานั้น เพราะไม่ได้ยึดรัฐธรรมนูญและกฎหมายเลือกตั้งเป็นหลัก แต่ไปเอาตามวิธีการที่สำนักงาน กกต. เสนอ ซึ่งอ้างว่าเป็นไปตามความเห็นของกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เมื่อ กกต.ตั้งโจทก์แบบนี้ การคำนวณจึงผิดตั้งแต่ต้น แล้วไปโทษว่ากฎหมายขัดต่อรัฐธรรมนูญ ตรงนี้อธิบายได้ง่ายๆว่า เมื่อกฎหมายให้ยึดจำนวนคะแนนต่อส.ส.หนึ่งคนเป็นหลัก

นายชูศักดิ์ กล่าวว่า แล้วนำไปหารคะแนนรวมของแต่ละพรรคเพื่อหาจำนวนส.ส.พึงมีของพรรคนั้น ตามมาตรา 128 (2) แล้วเอาจำนวนส.ส.พึงมีนั้นไปลบ ส.ส.เขตของพรรคนั้น ผลลัพธ์ คือ จำนวน ส.ส. บัญชีรายชื่อที่พรรคนั้นจะได้รับเบื้องต้น ตามมาตรา 128 (3) เมื่อถึงตรงนี้ ต้องเข้าใจว่า หากพรรคใดมีคะแนนต่ำกว่าคะแนนต่อส.ส. หนึ่งคน หรือ ต่ำกว่า 71,065 คะแนน พรรคนั้นก็ไม่มีจำนวน ส.ส.พึงมีมาตั้งแต่ต้น จึงถูกตัดตอนตั้งแต่ม.128(2)แล้ว

อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นการคำนวณต่อไปจะคิดเฉพาะพรรคที่มีจำนวน ส.ส.พึงมีเท่านั้น โดยมาตรา 128 (4) ให้จัดสรรส.ส.บัญชีรายชื่อ ตามผลลัพธ์มาตรา 128 (3) หมายถึงจัดสรรให้พรรคที่มีสิทธิจะได้รับจัดสรร ส.ส.บัญชีรายชื่อ เบื้องต้น แต่เมื่อพรรคที่มีคะแนนต่ำกว่า 71,065 คะแนน ซึ่งไม่มีส.ส.พึงมี และไม่ส.ส.บัญชีรายชื่อที่จะได้รับเบื้องต้น ก็ย่อมไม่มีสิทธิได้รับจัดสรร ส.ส.บัญชีรายชื่อตามมาตรา 128 (4)

e1555060130404

ทั้งนี้ ในการจัดสรรนั้นถ้าพรรคใดมีส.ส.เขตเท่ากับหรือมากกว่าส.ส.ที่พึงมี ก็จะไม่ได้รับจัดสรรส.ส.บัญชีรายชื่ออีก คือ ส.ส.บัญชีรายชื่อเป็นศูนย์ แล้วเอาส.ส.บัญชีรายชื่อทั้งหมดไปจัดสรรให้กับพรรคที่มีส.ส.เขตต่ำกว่า ส.ส.ที่พรรคนั้นพึงมี เมื่อพรรคเหล่านั้นไม่มีทั้งส.ส.เขตและส.ส.พึงมี ก็ไม่มีสิทธิได้รับจัดสรร โดยไม่ต้องไปพิจารณาว่าจะทำให้พรรคนั้นมี ส.ส.เกินจำนวนที่พึงมีหรือไม่ เพราะไม่มีส.ส.พึงมีมาแต่แรก

ส่วนการจัดสรรตามมาตรา 128 (7) กรณีจัดสรรแล้วมีส.ส.บัญชีรายชื่อเกิน 150 คน กฎหมายให้คำนวณปรับส.ส.บัญชีรายชื่อใหม่ตามวิธีการที่กำหนด และในกรณีนี้กฎหมายเขียนชัดว่าเมื่อคำนวณตาม (5) แล้วมีส.ส.เกิน ให้ทำอย่างไร เช่น พรรคที่คะแนนต่ำกว่า 71,065 คะแนน ไม่อยู่ในข่ายได้รับจัดสรรตาม (5) และไม่มีจำนวนส.ส.บัญชีรายชื่อที่จะได้รับจึงไม่อาจนำมาคำนวณตาม (7) ได้เช่นกัน ดังนั้น หากตีความกฎหมายตรงไปตรงมาจึงไม่เห็นว่าจะมีปัญหาตรงไหน

ขณะเดียวกัน เมื่อคำนวณจำนวนส.ส.บัญชีรายชื่อให้กับพรรคที่มีส.ส.พึงมี และจำนวนส.ส.บัญชีรายชื่อที่จะได้รับตามมาตรา 128 (7) แล้วผลคำนวณก็ได้ส.ส.บัญชีรายชื่อครบ 150 คน  ไม่ได้มีปัญหาเหมือนที่ กกต.อ้าง ประเด็นที่สอง เรื่องที่กกต. จะเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยนั้น เห็นว่าปัญหาที่ กกต. อ้างดูเหมือนกับการจะขอคำอธิบายข้อกฎหมายกับศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งที่ กกต.มีอำนาจในส่วนนี้อยู่แล้ว แต่ยังไม่ได้ใช้อำนาจของตนเอง หากใช้และพิจารณาไปตามกฎหมายก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรให้ต้องกังวล

“ผมจึงเห็นว่าอาจยังไม่เข้าเงื่อนไขที่จะยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้ เพราะที่ผ่านมาเข้าใจว่าศาลเคยวางหลักว่าไม่มีหน้าที่มาอธิบายรัฐธรรมนูญ แต่เท่าที่ดูจากคำแถลง กกต. จะตั้งประเด็นกฎหมายขัดรัฐธรรมนูญด้วย แต่ก็ไม่เห็นประเด็นว่ามาตราไหนขัด ดังนั้น ก็ต้องดูคำร้องอย่างละเอียดกันอีกที และเห็นว่าเรื่องนี้ไม่ควรที่ กกต. จะปล่อยให้ยืดเยื้อมาจนถึงวันนี้ กกต.เป็นผู้ใช้และรักษาการตามกฎหมาย จึงมีหน้าที่โดยตรงในการวินิจฉัยตีความกฎหมาน และการยื่นให้ศาลวินิจฉัยก็ไม่ควรชี้นำโดยอ้างสูตรคำนวณที่มีการเสนอต่อกกต. แต่ควรอ้างวิธีการคำนวณตามกฎหมายบัญญัติไว้เป็นสำคัญ” นายชูศักดิ์ ระบุ

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight