นักฟิสิกส์ทฤษฎีและนักจักรวาลวิทยาชื่อดัง “สตีเฟน ฮอว์คิง” เสียชีวิตแล้วในวัย 76
ครอบครัวของฮอว์คิง ซึ่งมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักจากผลงานทฤษฎีเรื่องหลุมดำ และต้นกำเนิดของจักรวาล แถลงว่า ฮอว์คิงได้เสียชีวิตลงอย่างสงบ ที่บ้านพักใกล้กับมหาวิทยาลัย เคมบริดจ์
ลูซี โรเบิร์ต และทิม บุตรสาว และบุตรชายของฮอว์คิง ระบุว่า พวกเขารู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งกับกาารจากไปของฮอว์คิง ผู้เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ยอดเยี่ยม และเป็นชายซึ่งไม่ธรรมดาที่ผลงานของเขาจะคงอยู่ต่อไปอีกหลายปี
ทั้งนี้ ฮอว์คิงตรวจพบว่ามีอาการป่วยจากโรคอะไมโอโทรฟิก แลเทอรัล สเกลอโรซิส (เอแอลเอส) ชนิดหายาก ตั้งแต่อายุได้ 22 ปี ซึ่งโรคนี้จะเริ่มมีอาการเร็ว แต่ดำเนินโรคช้า ทำให้เขามีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงลงเรื่อยๆ เป็นเวลาหลายสิบปี ปัจจุบันต้องสื่อสารโดยใช้อุปกรณ์สังเคราะห์เสียงพูด ควบคุมผ่านกล้ามเนื้อมัดเดียวในแก้ม
เขาแต่งงานสองครั้ง และมีลูกสามคน โดยฮอว์คิงประสบความสำเร็จกับผลงานวิทยาศาสตร์สำหรับบุคคลทั่วไป (popular science) ซึ่งเขาอภิปรายทฤษฎีของเขา และจักรวาลวิทยาโดยรวม ซึ่งมีประวัติย่อของกาลเวลา (A Brief History of Time) และจักรวาลในเปลือกนัท (The Universe in a Nutshell) ติดอยู่ในรายการขายดีที่สุดของบริติชซันเดย์ ไทมส์ ทำลายสถิตินานถึง 237 สัปดาห์
ฮอว์คิงยังเชื่อว่ามีความเป็นไปได้ที่นักฟิสิกส์จะพัฒนาทฤษฎีที่จะรวมเอาแรงทั้ง 4 ของธรรมชาติเข้าด้วยกัน นั่นคือ แรงโน้มถ่วง แรงแม่เหล็กไฟฟ้า แรงนิวเคลียร์แบบอ่อน และแรงนิวเคลียร์แบบเข้ม อันจะนำไปสู่ ทฤษฎีสรรพสิ่ง (Theory of Everything) ที่เคยกล่าวกันมา ส่วนเรื่องการขยายตัวของเอกภพนั้น ฮอว์คิงเชื่อว่า เอกภพขยายตัวออกไปโดยมีความเร่ง
นอกจากนี้ ยังเคยมีการนำชีวประวัติของเขามาสร้างเป็นภาพยนต์เรื่อง The Theory of Everything ในปี 2557 โดยมี เอ็ดดี้ เรดเมย์น รับบทเป็นฮอว์คิง
