นักลงทุนต่างประเทศ เทขายตราสารหนี้ในตลาดเอเชียอย่างหนัก เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา จากผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่เพิ่มสูงขึ้น และการแข็งค่าของเงินดอลลาร์
ข้อมูลจากธนาคารกลาง และสมาคมตลาดตราสารหนี้ในประเทศต่างๆ แสดงให้เห็นว่า ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติเทขายตราสารหนี้ในอินเดีย อินโดนีเซีย ไทย เกาหลีใต้ และมาเลเซีย คิดเป็นมูลค่าโดยรวมสูงถึง 3,900 ล้านดอลลาร์ มากสุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2559 เป็นต้นมา
ปรากาช ซักพัล นักเศรษฐศาสตร์จากไอเอ็นจีในสิงคโปร์ ชี้ว่า การคาดการณ์ถึงการดำเนินนโยบายทางการเงินที่เข้มงวดขึ้นของธนาคารกลางประเทศใหญ่ๆ ในปีนี้ เป็นสาเหตุที่เร่งให้กระแสเงินลงทุนต่างประเทศไหลออกจากภูมิภาคเอเชีย
เมื่อเดือนเมษายน ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ทะลุแนวต้านทางจิตวิทยาที่ระดับ 3% และปัจจุบันเคลื่อนไหวอยู่ใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี ที่ 3.095%
ขณะที่เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น แรงหนุนจากผลตอบแทนพันธบัตรที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งในเดือนที่ผ่านมาถือเป็นเดือนที่เงินดอลลาร์แข็งค่าสุดในรอบ 17 เดือน และในเดือนพฤษภาคมนี้ ดอลลาร์ก็แข็งค่าขึ้นมาอีก 1.6%
อินเดีย และอินโดนีเซีย 2 ประเทศที่มีตัวเลขขาดดุลบัญชีเดินสะพัดในระดับสูงของเอเชีย เผชิญกับภาวะเงินไหลออกจำนวนมาก เพราะความกังวลถึงราคาน้ำมัน และเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ทำให้เกิดการเทขายตามมา
ส่วนมาเลเซีย มีเงินทุนต่างชาติไหลออกจากตลาดไป 1,200 ล้านดอลลาร์ หนักสุดในรอบ 13 เดือน และไทยมีเงินไหลออกที่ 928 ล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ดี เกาหลีใต้กลับเป็นประเทศส่วนน้อยในภูมิภาคนี้ ที่มีเงินทุนต่างชาติไหลเข้ามาเมื่อเดือนที่แล้วที่ 708 ล้านดอลลาร์ ผลจากความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีที่ผ่อนคลายลงมา
“ดูเหมือนว่า เราน่าจะเห็นเงินทุนไหลออกไปอีกสักพักหนึ่ง จนกว่าการคาดการณ์เกี่ยวกับธนาคารกลางสหรัฐเพิ่มความเข้มงวดในนโยบายการเงินจะเบาบางลง” ซักพัล จากไอเอ็นจี ระบุ