Business

‘ออมนิ แชนแนล’พิชิตนักช้อป 4.0

การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีในปัจจุบันส่งผลให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก นักการตลาดจึงต้องปรับตัวในการดำเนินธุรกิจ โดยการผสานช่องทางออนไลน์กับช่องทางการขายแบบเดิม เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้บริโภค รวมถึงต้องสามารถสร้างความสัมพันธ์อันดีและรักษากลุ่มลูกค้าไว้ได้ในระยะยาว

ออมนิ แชนแนล นักช้อป 4.0

ปัจจุบันคนไทยใช้อินเทอร์เน็ตกว่า 42 ล้านคน หรือมีสัดส่วน 60% ของประชากร  ใช้เวลาอยู่บนโลกออนไลน์กว่า 6-7 ชั่วโมงต่อวัน เป็นอัตราการใช้งานสูงติดอันดับโลก  โดย “โซเชียล มีเดีย” กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการเข้าถึงผู้บริโภค ทั้งการสร้างปฏิสัมพันธ์ การสื่อสาร ค้นหาข้อมูลต่างๆ รวมถึงวิธีการซื้อสินค้า ที่นิยมจับจ่ายผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น เนื่องจากง่าย สะดวก และสั่งซื้อสินค้าได้ 24 ชั่วโมง

จากความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ที่ช่วยให้ผู้บริโภคเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายส่งผลให้กระบวนการที่ใช้ในการตัดสินใจและพฤติกรรมการซื้อสินค้าซับซ้อนมากขึ้น ผู้บริโภคบางกลุ่มค้นหาข้อมูลผ่านช่องทางออนไลน์ก่อน หลังจากนั้นไปเลือกชมและสัมผัสสินค้าจริงที่หน้าร้าน เพื่อประกอบการตัดสินใจ

การมี “หน้าร้านออนไลน์” เพียงช่องทางเดียวอาจจะไม่เพียงพอต่อการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน

ดังนั้น Omni Channel  ซึ่งเป็นการเชื่อมต่อข้อมูลและการสื่อสารระหว่างออฟไลน์และออนไลน์ให้เป็นหนึ่งเดียวแบบไร้รอยต่อ (Seamless) เพื่อให้บริการลูกค้าได้อย่างต่อเนื่องในทุกช่องทาง จึงเป็นทางเลือกใหม่ที่ผู้ประกอบการและนักการตลาดให้ความสำคัญ เพื่อปรับตัวดำเนินธุรกิจในสภาวะการแข่งขันสูงยุคนี้

ออมนิ แชนแนล นักช้อป 4.0

นักศึกษาปริญญาโทสาขาการตลาด รุ่น 19B วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล จัดสัมมนา ‘OMNI Shopper 4.0’ เจาะลึกอินไซต์พิชิตใจนักช้อป สำรวจพฤติกรรมนักช้อปผ่านช่องทางหน้าร้านและออนไลน์  เพื่อให้นักการตลาด สินค้าและแบรนด์ต่างๆ เข้าใจ “เส้นทางช้อปปิ้งของผู้บริโภค” (Customer Journey) ในยุคนี้ เพื่อปรับช่องทางการขายได้ตอบโจทย์ลูกค้าในยุคนี้

“หน้าร้าน”ยังสำคัญ

จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างนักช้อป 800 คน แบ่งเป็นเจนวาย 61.2%  เจนเอ็กซ์ 35.3%  เบบี้บูมเมอร์ 2% และเจนแซท 1.5%  รายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือน 5.4 หมื่นบาท การศึกษาระดับปริญญาตรี 57% และปริญญาโท 36.2%

สำหรับข้อมูลในโลกออนไลน์ที่กลุ่มตัวอย่างชอบค้นหา

  • รายละเอียดสินค้า 85%
  • เชื่อมต่อกับ มาร์เก็ตเพลส 51.4%
  • ค้นหาส่วนลด 50.5%
  • เปรียบเทียบราคาสินค้า 49.5%
  • ค้นหาสถานที่ตั้งร้านค้า 42.5%
  • ตรวจสอบจำนวนสินค้า 11.1%

ออมนิ แชนแนล นักช้อป 4.0

จากผลสำรวจพบว่ากลุ่มตัวอย่าง นิยมค้นหารายละเอียดสินค้าจากอินเทอร์เน็ต ที่เชื่อมต่อกับมาร์เก็ตเพลส และนิยมค้นหาส่วนลด ประเด็นที่น่าสนใจคือ 42.5% ของกลุ่มตัวอย่าง มีการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ตั้งร้าน โดยให้เหตุผลว่า “ต้องการไปดูและทดลองสินค้าจริง รวมทั้งตรวจสอบสภาพสินค้าก่อนซื้อ หากสินค้ามีปัญหาสามารถเปลี่ยนได้ทันที” จะเห็นได้ว่า ผู้บริโภคในยุคนี้ยังให้ความสำคัญกับการมี “หน้าร้าน” อยู่

 จับจ่ายผ่าน“ออนไลน์-ออฟไลน์”

ทางด้านช่องทางเลือกซื้อสินค้า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ ใช้จ่ายทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ในสัดส่วนใกล้เคียงกัน คือ ออนไลน์ 55.1%  และออฟไลน์ 44.9%

ปัจจัยที่เลือกซื้อ “ออนไลน์” เพราะสะดวก ประหยัดเวลาเดินทาง สามารถหาข้อมูลสินค้าเปรียบเทียบได้มาก ส่วนสาเหตุที่เลือกซื้อผ่าน “ออฟไลน์” เพราะได้เห็น ทดลองใช้สินค้า ทำให้ได้รับสินค้าตรงตามสเปคที่ต้องการ สามารถตรวจสอบสภาพสินค้าก่อนซื้อ หากสินค้ามีปัญหาสามารถคืนได้

ออมนิ แชนแนล นักช้อป 4.0

“ออฟไลน์”สร้างประสบการณ์ที่ดี

ขณะที่ช่องทางเลือกซื้อสินค้าที่กลุ่มตัวอย่างได้รับประสบการณ์ที่ดี ผ่าน “ออฟไลน์”  54% เพราะได้รับบริการที่ดีจากพนักงาน ให้ข้อมูลสินค้าละเอียดครบถ้วน ได้เห็นและทดลองสินค้าก่อนซื้อ ทำให้ได้รับสินค้าตรงตามสเปคที่ต้องการ

ส่วนประสบการณ์จาก “ออนไลน์” 46%  เพราะได้รับบริการที่ดีจากพนักงาน ตอบข้อซักถามได้ทันที ให้ข้อมูลครบถ้วนและการจัดส่งสินค้ารวดเร็ว

แบรนด์มุ่งสร้างประสบการณ์ “ออมนิ แชนแนล”        

ปัจจุบันมีผู้ประกอบการค้าปลีก ทั้งไทยและต่างประเทศ ที่เริ่มนำกลยุทธ์ “ออมนิ แชนแนล” มาใช้พัฒนาและสร้างประสบการณ์ช้อปปิ้งของลูกค้าให้มีความต่อเนื่อง ไม่มีความแตกต่างระหว่างช่องทาง “หน้าร้าน”และ”ออนไลน์”  ตัวอย่าง

“เซเว่น อีเลฟเว่น”  เพิ่มประสบการณ์ช้อปปิ้งสินค้า ผ่าน แอพพลิเคชั่น เพื่อเข้ามาช่วยให้ลูกค้าซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น

  • สามารถช้อปสินค้าออนไลน์ได้ผ่านแอพและเลือกได้ว่าจะให้ไปส่งสินค้าที่บ้านหรือมารับที่ร้านเซเว่นฯใกล้บ้าน
  • มีสิทธิพิเศษ ด้วยการสะสมแต้มผ่านแอพ เพื่อแลกรับของพรีเมี่ยม ส่วนลดต่างๆ หรือลุ้นชิงโชค
  • ชำระเงิน หรือ เติมเงินผ่านแอพ ทั้งออนไลน์และหน้าร้าน

ออมนิ แชนแนล นักช้อป 4.0

ส่วน “เพาเวอร์บาย”  เพิ่มช่องทางจำหน่าย ด้วยการเปิดตัว “เพาเวอร์บาย ออนไลน์” โดยนำกลยุทธ์ “ออมนิ แชนแนล” มาพัฒนาธุรกิจ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่ไม่สะดวกมารับสินค้ากลับเอง เช่น ทีวี ตู้เย็น  พร้อมทั้งบริการ Click & Collect ที่สามารถสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ และมารับได้ที่หน้าร้าน เพราะต้องการให้ลูกค้ามีโอกาสตรวจเช็คและลองสินค้าจริง

ออมนิ แชนแนล นักช้อป 4.0

การสร้างประสบการณ์ ออมนิ แชนแนล ของแบรนด์ “ไนกี้” ในต่างประเทศ ได้เพิ่มช่องทางช้อปปิ้งสินค้าผ่านระบบ POS เพื่อเพิ่มความสะดวก ทำให้ลูกค้าซื้อสินค้าได้ที่หน้าร้านทันที และ NIKE ID โปรแกรมการออกแบบรองเท้าไนกี้ ในแบบชของตัวเอง โดยแบรนด์ได้เพิ่มประสบการณ์ในการช้อปสินค้า ซึ่งสามารถดูวัสดุการออกแบบรองเท้าที่ต้องการได้ที่หน้าร้าน และซื้อสินค้าได้ทันที

ส่องเครื่องมือสื่อสาร “ออมนิ แชนแนล”

“ออมนิ แชนแนล” ถือเป็นการพัฒนาประสบการณ์ช้อปปิ้งแบบไร้รอยต่อให้ผู้บริโภคในทุกช่องทาง ถือเป็น “เครื่องมือ” ที่ช่วยสร้างประสบการณ์ในทุกขั้นตอนของการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค พร้อมทั้งเชื่อมต่อทุกช่องทางที่สามารถเข้าถึงข้อมูล (touch point) และสื่อสารกับกลุ่มลูกค้า โดยไม่ทำให้เกิดความแตกต่างจากประสบการณ์ที่ได้รับในแต่ละช่องทาง

สิ่งที่ได้จาก “ออมนิ แชนแนล” คือ การเพิ่มยอดขาย, รักษาลูกค้าเก่าให้มีความภักดีต่อตราสินค้า, ช่วยเพิ่มลูกค้าใหม่, สร้างความได้เปรียบในการทำธุรกิจ และได้เก็บข้อมูลลูกค้า (บิ๊กดาต้า)เพื่อนำไปต่อยอดธุรกิจ

ออมนิ แชนแนล นักช้อป 4.0

สำหรับเครื่องมือในการทำ “ออมนิ แชนแนล” เพื่อสื่อสารกับลูกค้า

  • SMS  เช่น การส่งโปรโมชั่น รหัส OTP
  • Chatbot  การตอบคำถามลูกค้าบนเว็บไซต์แบบอัตโนมัติ
  • Voice Service บริการส่งข้อความเสียงโดยการแปลงจากข้อความ
  • Email Direct Marketing ข้อความอัตโนมัติผ่านทางอีเมลไปยังลูกค้า
  • Push Notification ส่งข้อความแจ้งเตือนบนโมบายแอพ
  • Facebook Messenger ส่งข้อความแบบบรอดแคสติ้ง หรือสร้างแชทบอท
  • Line@ และ Line Official Account ส่งข้อความแบบอัตโนมัติกับผู้ใช้งานไลน์

Avatar photo