COVID-19

เจาะลึก ‘โควิดญี่ปุ่น ‘ วิกฤติที่ไม่ยอมจบสิ้น

ญี่ปุ่น ถือเป็นประเทศแรกๆ ของโลก ที่ต้องรับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ครั้งแรก เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2563

ในระยะแรก ตัวเลขผู้ติดเชื้อในประเทศญี่ปุ่น อยู่ในระดับต่ำ รัฐบาลไม่ได้มีมาตรการตรวจหรือตามหาผู้ติดเชื้ออย่างแข็งขันนัก โดยรัฐบาลกำหนดขอบเขตการตรวจหาผู้ติดเชื้อไว้ในวงแคบๆ และเน้นการดูแลรักษาผู้ที่มีอาการรุนแรงเป็นหลัก

shutterstock 1664953339

ในเดือนกุมภาพันธ์ มีกรณีเรือสำราญ Diamond Princess ที่เข้ามาเทียบท่าที่โยโกฮามา และญี่ปุ่นใช้มาตรการกักตัวผู้โดยสารไว้บนเรือ แต่ต่อมาพบผู้ติดเชื้อบนเรือถึง 712 คนจากทั้งหมด 3,711 คน ซึ่งการติดเชื้อส่วนใหญ่ น่าจะเกิดระหว่างการกักตัวบนเรือ ทำให้รัฐบาลญี่ปุ่นถูกวิจารณ์เป็นอย่างมาก

ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ พบการระบาดเพิ่มขึ้นในเกาะฮอกไกโด ทำให้รัฐบาลประกาศภาวะฉุกเฉินในจังหวัดฮอกไกโด เป็นแห่งแรกของประเทศ แต่ต่อมารัฐบาลเห็นว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 มีสัญญาณที่ดีขึ้น จึงประกาศยกเลิกภาวะฉุกเฉินในจังหวัดฮอกไกโด เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2563

ในช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายน ยอดผู้ติดเชื้อในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งรัฐบาลได้ประกาศใช้มาตรการที่เข้มงวดขึ้นเป็นลำดับ เริ่มจากการประกาศ “ล็อกดาวน์ขั้นเบา” บริเวณกรุงโตเกียว

ต่อมาก็ประกาศภาวะฉุกเฉินในอีกหลายเมือง ไปจนถึง การล็อกดาวน์ที่ครอบคลุมทั้งประเทศ พร้อมทั้งใช้ มาตรการเชิงรุก รตรวจเชื้อ และติดตามผู้ติดเชื้อ หลังจากนั้น จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ก็มีแนวโน้มลดต่ำลงเล็กน้อยในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม

ตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม 2563 รัฐบาลเริ่มผ่อนปรนมาตรการปิดเมืองใน 39 จังหวัดจากทั้งหมด 47 จังหวัด (ยกเว้นใน กรุงโตเกียว จังหวัดไซตามะ จังหวัดโอซาก้า จังหวัดเกียวโต จังหวัดคานางาวะ จังหวัดเฮียวโกะ จังหวัดฮอกไกโด และจังหวัดชิบะ)

ช่วงเดือนพฤษภาคมนี้  รัฐบาลยังประกาศห้ามชาวต่างชาติอีก 11 ประเทศ เดินทางเข้าญี่ปุ่น เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด ครอบคลุมถึง  อัฟกานิสถาน อาร์เจนตินา บังกลาเทศ เอลซัลวาดอร์ กานา กินี อินเดีย คีร์กีซสถาน ปากีสถาน แอฟริกาใต้ และทาจิกิสถาน

การเพิ่มรายชื่อประเทศต้องห้ามดังกล่าว ทำให้คำสั่งห้ามเข้าประเทศของญี่ปุ่นครอบคลุม 111 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก ซึ่งรวมถึงจีน เกาหลีใต้ สหรัฐ และประเทศในยุโรปทั้งหมด

จนกระทั่ง วันที่ 2 กรกฎาคม 2563 กรุงโตเกียวมีรายงานพบผู้ติดเชื้อเป็นจำนวน 107 ราย นับเป็นสถิติที่สูงที่สุดนับแต่ประกาศผ่อนคลายล็อกดาวน์ ซึ่งต้นตอของเชื้อก็ยังคงมาจากสถานบันเทิงยามค่ำคืน ด้วยเหตุนี้ ผู้ว่าการกรุงโตเกียวจึงออกมาเตือนไม่ให้ประชาชนไปเที่ยวเขตสถานบันเทิงยามค่ำคืนในช่วงนี้ โดยเฉพาะคนวัยหนุ่มสาว

shutterstock 1727905501

เจอเชื้อกลายพันธุ์ 

การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด- 19 ในญี่ปุ่น ดูเหมือนว่า จะยังควบคุมไม่ได้ง่ายๆ เพราะทันทีที่ดูเหมือนจะคุมได้แล้ว ก็กลับมาพบผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่งสูงขึ้นอย่างมากอีกครั้ง

ช่วงต้นเดือนธันวาคมนี้  ญี่ปุ่นพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ถึง 3,041 ราย  ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่พบผู้ติดเชื้อในวันเดียวมากกว่า 3,000 ราย และยังคงเป็นกรุงโตเกียว ที่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่มากสุด

ทั้งเมื่อวันที่ 24 ธันวาคมที่ผ่านมา ญี่ปุ่นยังพบผู้ติดเชื้อใหม่รายวันมากกว่า 3,700 คน ถือเป็นตัวเลขการพบผู้ติดเชื้อรายวันสูงสุดครั้งใหม่ของประเทศ นับแต่ที่เริ่มเกิดการระบาดขึ้นมา

ล่าสุดในวันนี้ (27 ธ.ค.) ทางการญี่ปุ่นได้ประกาศปิดประเทศ ห้ามชาวต่างชาติที่ไม่ได้เป็นผู้มีถิ่นพำนักในญี่ปุ่นจากทั่วโลกเข้าประเทศ แล้ว โดยจะเริ่มมีผลบังคับตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (28 ธ.ค.) จนถึงวันที่ 31 มกราคม 2564 หลังจากพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์ เป็นสายพันธุ์ใหม่ที่พบในสหราชอาณาจักรเป็นครั้งแรก และเชื่อว่า ทำให้เกิดการระบาดได้เร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 70%

ข้อมูลจากเว็บไซต์ Worldometers แสดงให้เห็นว่า ในขณะนี้ ญี่ปุ่นมียอดสะสมผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดอยู่ที่ 213,547 คน และมียอดสะสมผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสอยู่ที่ 3,155 ราย

shutterstock 1732779449 1

ปีใหม่อยู่เงียบๆ

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นยังทำให้ นายกรัฐมนตรีโยชิฮิเดะ ซูกะ ของญี่ปุ่น เรียกร้องให้ประชาชนทั่วประเทศ ใช้เวลาช่วงปีใหม่อย่างเงียบๆ เลี่ยงพบปะสังสรรค์กลุ่มใหญ่ เพื่อหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังทำสถิติมีผู้ติดเชื้อในวันเดียวเกิน 3,000 คน

นายกรัฐมนตรีซูกะ แถลงว่า อยากให้ประชาชนใช้เวลาช่วงปีใหม่อย่างเงียบๆ และให้ความร่วมมือกับมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ด้วยการงดพบปะสังสรรค์กลุ่มใหญ่กับครอบครัว และเพื่อนเท่าที่เป็นไปได้ เพื่อให้สามารถหยุดการแพร่ระบาด เพราะระบบสาธารณสุขใกล้จะรองรับผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วไม่ไหวแล้ว และกำลังเจ้าหน้าที่จะน้อยลงด้วยในช่วงวันหยุดเทศกาล

นอกจากนี้ ชิเงรุ โอมิ ผู้เชี่ยวชาญไวรัสโคโรนาในคณะทำงานของรัฐบาล ยังเตือนว่า ถ้าตัวเลขยังไม่ชะลอลงตอนนี้ และพุ่งสูงขึ้นอีกครั้งหลังช่วงปีใหม่ ก็จะหยุดยั้งได้ยาก และต้องใช้เวลาอีกหลายสัปดาห์

พร้อมระบุปัจจัยสำคัญของการแพร่เชื้อ คือ การรับประทานอาหารร่วมกัน และเรียกร้องให้ประชาชนจำกัดการร่วมโต๊ะรับประทานอาหารเหลือเพียง 4 คนหรือน้อยกว่านั้น

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo