เฟดประกาศคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับ แต่ส่งสัญญาณถึงการปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังอัตราเงินเฟ้อกำลังเคลื่อนตัวเข้าใกล้เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2%
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แถลงหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (เอฟโอเอ็มซี) เมื่อวานนี้ (2 พ.ค.) ว่า ตลาดแรงงานยังคงมีความแข็งแกร่ง และกิจกรรมทางเศรษฐกิจปรับตัวขึ้นในระดับปานกลาง
ส่วนการขยายตัวของการจ้างงานในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมานั้น มีความแข็งแกร่ง และอัตราว่างงานยังคงอยู่ในระดับต่ำ
ข้อมูลที่มีการเปิดเผยเมื่อไม่นานมานี้บ่งชี้ว่า อัตราการขยายตัวของการใช้จ่ายภาคครัวเรือนอยู่ในระดับปานกลาง หลังจากมีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในไตรมาส 4 ขณะที่การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรยังคงขยายตัวแข็งแกร่ง
เอฟโอเอ็มซี ระบุว่า คณะกรรมการมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนการจ้างงานให้เติบโตอย่างเต็มที่ และหนุนราคาให้มีเสถียรภาพ พร้อมประเมินว่า การปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินอย่างค่อยเป็นค่อยไปนั้น จะทำให้ในระยะกลาง กิจกรรมทางเศรษฐกิจจะมีการขยายตัวในระดับพอประมาณ และภาวะในตลาดแรงงานจะยังคงมีความแข็งแกร่ง
ส่วนอัตราเงินเฟ้อเมื่อเทียบรายปีนั้น คาดว่าจะปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 2% ซึ่งเป็นเป้าหมายในระยะกลางของเอฟโอเอ็มซี ขณะที่แนวโน้มความเสี่ยงในระยะใกล้ของเศรษฐกิจยังคงมีความสมดุล
เมื่อพิจารณาถึงภาวะตลาดแรงงานและเงินเฟ้อที่เป็นไปตามการคาดการณ์แล้ว คณะกรรมการได้ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น ที่ระดับ 1.50-1.75%
ขณะที่จุดยืนด้านนโยบายการเงินนั้น ยังคงอยู่ในลักษณะผ่อนคลาย ซึ่งจะช่วยสนับสนุนภาวะตลาดแรงงานให้ปรับตัวดีขึ้นต่อไป และจะช่วยหนุนเงินเฟ้อให้ปรับตัวสู่ระดับ 2% อีกครั้ง
ในการตัดสินใจเกี่ยวกับช่วงเวลาและขนาดในการปรับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในอนาคตนั้น ทางคณะกรรมการจะประเมินภาวะเศรษฐกิจทั้งในแง่ของความเป็นจริงและการคาดการณ์ ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับเป้าหมายของการจ้างงานสูงสุดและเงินเฟ้อที่ 2%
การประเมินนี้จะพิจารณาข้อมูลในวงกว้าง ซึ่งรวมถึงมาตรวัดภาวะตลาดแรงงาน ปัจจัยชี้วัดเกี่ยวกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อและคาดการณ์เงินเฟ้อ และการพิจารณาถึงความคืบหน้าทางการเงินและสถานการณ์ในต่างประเทศ
คณะกรรมการจะจับตาความคืบหน้าเกี่ยวกับการบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด ทั้งในแง่ความเป็นจริงและการคาดการณ์ โดยคาดว่าภาวะทางเศรษฐกิจจะปรับตัวในแนวทาง ที่จะสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป และอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นมีแนวโน้มที่จะยังคงต่ำกว่าระดับที่คาดการณ์ไว้ในระยะยาวต่อไปสักระยะหนึ่ง