ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส อินเตอร์มีเดียท (WTI) ซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ ของสหรัฐ เมื่อวานนี้ (22 ก.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น ปิดตลาดลดลง ท่ามกลางแรงกดดันจากแนวโน้มความต้องการน้ำมันเบนซินที่ลดลง ทั้งที่ยังอยู่ในช่วงฤดูร้อนของสหรัฐ ที่ชาวอเมริกันมักขับขี่รถยนต์เพื่อท่องเที่ยว
ราคาน้ำมันดิบ WTI กำหนดส่งมอบเดือนกันยายน ลดลง 1.65 ดอลลาร์ หรือ 1.7% ปิดที่ 94.70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) กำหนดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 66 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 103.20 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ตลาดถูกกดดันจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจใหม่ ที่บ่งชี้ถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งจะเป็นปัจจัยลบต่อความต้องการ และราคาน้ำมันดิบ
เอสแอนด์พี โกลบอล เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิต และภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 47.5 ในเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 26 เดือน จากระดับ 52.3 ในเดือนมิถุนายน
ดัชนี PMI อยู่ต่ำกว่าระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคธุรกิจของสหรัฐอยู่ในภาวะหดตัว โดยเป็นการหดตัวครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2563 โดยถูกกดดันจากภาวะหดตัวในภาคบริการ
ขณะที่ภาคการผลิตปรับตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี ผลจากการชะลอตัวของคำสั่งซื้อใหม่ และการจ้างงาน ส่วนความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจ ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2563
ทั้งนี้ ดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้น อยู่ที่ 52.3 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 24 เดือน จากระดับ 52.7 ในเดือนมิถุนายน และดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้น อยู่ที่ 47.0 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 26 เดือน จากระดับ 52.7 ในเดือนมิถุนายน
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- เมื่อ ‘วอร์เรน บัฟเฟตต์’ สะสมหุ้นน้ำมัน สะท้อนความแข็งแกร่งกลุ่มพลังงาน!!!
- ‘ไบเดน’ จ่อผลักดัน ‘ยกเว้นภาษีน้ำมัน-ลดกำแพงภาษีจีน’ ช่วยคนอเมริกันรับมือเงินเฟ้อ
- กบน.ยังตรึงดีเซลที่ 34.94 บาท/ลิตรต่อเนื่อง แม้กองทุนน้ำมันติดลบทะลุ 1 แสนล้าน!