World News

‘น้ำมัน WTI’ พุ่งถึง 122 ดอลลาร์ รับสต็อกเบนซินลด-จีนคลายล็อกดาวน์

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส อินเตอร์มีเดียท (WTI) ตลาดนิวยอร์ก ปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 13 สัปดาห์ในวันพุธ (8 มิ.ย.) หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันเบนซินลดลงอย่างเหนือความคาดหมาย บ่งชี้ว่าความต้องการเชื้อเพลิงในสหรัฐยังคงเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากที่จีนประกาศผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งจะช่วยหนุนความต้องการใช้น้ำมันในประเทศ

shutterstock 1729353430

ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้น 2.70 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 122.11 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) กำหนดส่งมอบเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 3.01 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 123.58 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยทั้ง 2 ตัว แตะระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคม 2565

ราคาน้ำมันดิบทะยานขึ้น หลังสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 800,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะพุ่งขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล

ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าความต้องการเชื้อเพลิงในสหรัฐยังคงเพิ่มขึ้น แม้ราคาน้ำมันเบนซินที่สถานีบริการพุ่งขึ้นอย่างมากก็ตาม โดยข้อมูลจากสมาคมผู้ผลิตยานยนต์อเมริกา (AAA) ระบุว่า ราคาน้ำมันเบนซินพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4.955 ดอลลาร์ต่อแกลลอน ในวันพุธที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ที่ว่า อุปทานน้ำมันในตลาดโลกจะเผชิญภาวะตึงตัว เนื่องจากการที่จีนผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในกรุงปักกิ่งและยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ในนครเซี่ยงไฮ้จะทำให้ความต้องการใช้น้ำมันในจีนเพิ่มขึ้นอย่างมาก

นักลงทุนยังคงจับตาการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน ซึ่งหากมีการบรรลุข้อตกลงดังกล่าว ก็จะปูทางให้อิหร่านกลับมาส่งออกน้ำมันในตลาด โดยก่อนหน้านี้ อิหร่านผลิตน้ำมันเฉลี่ย 2.4 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2564 และคาดว่าจะผลิตได้ 3.8 ล้านบาร์เรล/วัน หากมีการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo