สำรวจหุ้นผู้ให้บริการสถานีน้ำมัน ในยุคที่ราคาน้ำมันแพงทุบสถิติ ได้ผลประโยชน์จากราคาน้ำมันแพงแค่ไหน ค่าการตลาดสูงจริงหรือไม่
หุ้นกลุ่มผู้ให้บริการสถานีน้ำมัน (Oil and Retail Business) หรือที่เรียกติดปากว่า “ปั๊มน้ำมัน” มักจะถูกพุ่งเป้าเป็นผู้ร้ายอยู่เสมอในช่วงที่ราคาน้ำมันขายปลีกมีราคาแพงขึ้น ทั้งที่ความจริงแล้วธุรกิจนี้กลับเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบด้วยซ้ำเมื่อราคาน้ำมันเป็นช่วงขาขึ้น โดยมาจาก 2 ปัจจัยหลัก ดังนี้
ปัจจัยแรก คือ ค่าการตลาดที่ลดลง เนื่องจากถูกกดดันจากมาตรการของภาครัฐ ซึ่งค่าการตลาดเปรียบเสมือนมาร์จินของธุรกิจปั๊มน้ำมัน โดยเป็นส่วนต่างระหว่างราคาขายน้ำมันหน้าสถานีกับต้นทุนน้ำมันที่รับมาจากโรงกลั่น แต่ในช่วงที่เกิดวิกฤติราคาน้ำมันแบบนี้ ภาครัฐจะมีกลไกควบคุมราคาขาย ด้วยการปรับลดค่าการตลาดเป็นลำดับแรกๆ
ปัจจุบัน ค่าการตลาดเฉลี่ยเหลือราว 80 – 90 สตางค์ต่อลิตรเท่านั้น เรียกว่าเป็นอัตราที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดินมาก จนแทบจะมองไม่เห็นกำไร เพราะโดยปกติแล้วค่าการตลาดจะเฉลี่ยที่ประมาณ 2 บาทต่อลิตร
ปัจจัยที่สอง คือ แนวโน้มยอดขายที่ลดลง เนื่องจากกำลังซื้อที่หายไปของผู้บริโภค ก็ส่งผลต่อปริมาณการเติมน้ำมันแต่ละครั้ง ยิ่งช่วงนี้ยังถูกซ้ำเติมด้วยราคาข้าวของเครื่องใช้ อาหารสด อาหารแห้ง ที่ต่างปรับขึ้นกันถ้วนหน้า ทำให้ค่าครองชีพปัจจุบันสูงมาก
ส่วนปั๊มไหนที่หวังพึ่งพาธุรกิจ Non-Oil ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าปลีก หรือบริการเชิงพาณิชย์ต่างๆ ก็ล้วนเจอผลกระทบไม่ต่างกัน เพราะเมื่อคนเข้าปั๊มน้ำมันน้อยลง รายได้จากส่วนนี้ก็หดหายตามไปด้วย ทำให้ช่วงนี้หุ้นปั๊มน้ำมันตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ราคาหุ้นซบเซาต่อเนื่อง
บทความนี้ จึงจะพาไปสำรวจสถานการณ์ของหุ้นปั๊มน้ำมันในช่วงที่ผ่านมากัน พร้อมสรุปผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/2565 ว่าแต่ละบริษัทเป็นอย่างไรบ้าง สามารถยืนระยะได้แข็งแกร่งแค่ไหน
หมายเหตุ : โครงสร้างธุรกิจของ BCP และ ESSO มีสัดส่วนกำไรจากธุรกิจอื่นเป็นหลักด้วย อาทิ โรงกลั่น
สำหรับราคาน้ำมัน ณ ปัจจุบัน (ปรับล่าสุด ณ 27 พ.ค.65) อ้างอิงข้อมูลจากโออาร์ พบว่า ดีเซลจำหน่ายที่ราคาลิตรละ 31.94 บาท แก๊สโซฮอล์ E85 ลิตรละ 36.74 บาท แก๊สโซฮอล์ E20 ลิตรละ 42.74 บาท แก๊สโซฮอล์ 91 ลิตรละ 43.58 บาท แก๊สโซฮอล์ 95 ลิตรละ 43.85 บาท
ล่าสุด นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงกรณีที่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องจนแตะระดับสูงสุดในรอบหลายปี โดยมองว่าแนวโน้มราคาน้ำมันน่าจะยังไม่ลดลงในเร็วๆ นี้ และราคาน้ำมันดิบจะอยู่ในกรอบ 115 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งหากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ต่อไปก็มีโอกาสที่กองทุนน้ำมันจะติดลบระดับแสนล้าน
หมายเหตุ | บทความนี้ไม่ได้มีเจตนาชี้นำหรือแนะนำให้ซื้อ ถือหรือขายหุ้นแต่อย่างใด ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘ธนกร’ เทียบชัด ๆ ราคาน้ำมันไทยถูกกว่าอาเซียน ยันตรึงดีเซลไม่เกิน 32 บาท ถึง 29 พ.ค.นี้
- เริ่มวันนี้! ราชกิจจาฯ ประกาศ ‘ลดภาษีน้ำมันดีเซล’ ลิตรละ 5 บาท นาน 2 เดือน
- ‘สุพัฒนพงษ์’ เตรียมหารือทีมเศรษฐกิจ ถก ‘มาตรการช่วยเหลือประชาชน’ รับมือน้ำมันแพง