เจ้าหน้าที่กู้ภัยเนปาลพบแล้ว 14 ศพ ขณะค้นหาในพื้นที่ห่างไกล บริเวณไหล่เขาของเทือกเขาหิมาลัย ที่เกลื่อนไปด้วยซากเครื่องบินเล็ก ที่ตกพร้อมกับคนบนเครื่อง 22 ชีวิต และมีโอกาสน้อยที่จะพบผู้รอดชีวิต
โฆษกสำนักงานการบินพลเรือนแห่งเนปาลเผยว่า มีโอกาสน้อยมากที่จะพบผู้รอดชีวิต จากเหตุเครื่องบินของสายการบินธารา แอร์ (Tara Air) ตก ขณะสภาพอากาศไม่แจ่มใส เมื่อวันอาทิตย์ (29 พ.ค.) และกองทัพพบจุดที่เครื่องบินตกในวันนี้
ทางด้านโฆษกท่าอากาศยานนานาชาติตรีภูวัน ในกรุงกาฐมาณฑุแจ้งว่า เจ้าหน้าที่กู้ภัยพบศพแล้ว 14 ศพ และกำลังค้นหาผู้โดยสารที่ยังเหลืออยู่ โดยเครื่องบินลำนี้ออกเดินทางจากโพคารา พร้อมผู้โดยสาร และลูกเรือบนเครื่องรวม 2 คน มีจุดหมายปลายทางอยู่ที่ เมืองจอมซอม แต่ขาดการติดต่อกับหอบังคับการบินไป ก่อนที่จะถึงจุดหมายราว 5 นาที
รายงานระบุว่า ผู้ที่อยู่บนเครื่องบนเครื่องมีชาวอินเดีย 4 คน เยอรมัน 2 คน และเนปาล 16 คน โดยปฏิบัติการค้นหา และกู้ภัย เต็มไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากสภาพอากาศที่เลวร้าย และสภาพพื้นที่ที่เป็นเทือกเขาสูง
เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า จุดที่เครื่องบินตก อยู่ในพื้นที่ของภูเขาทัวละคีรี ที่มีความสูงเป็นอันดับ 7 ของโลก และใกล้พรมแดนด้านติดกับจีน ทหารจากกองทัพบกและเจ้าหน้าที่กู้ภัยทำงานท่ามกลางสภาพภูมิประเทศทุรกันดาร ที่ระดับความสูงราว 14,500 ฟุต และมีเมฆปกคลุมหนา
เว็บไซต์ไฟลต์เรดาร์ 24 ระบุว่า เครื่องบินลำที่เกิดเหตุขึ้นบินเที่ยวแรกเมื่อเดือนเมษายน 2522 ขึ้นทะเบียนหมายเลข 9 เอ็น-เออีที (9N-AET)
ทั้งนี้ เนปาล ซึ่งเป็นที่ตั้งของเทือกเขาสูงสุดของโลกถึง 8 แห่งด้วยกัน มีประวัติการเกิดอุบัติเหตุทางอากาศอยู่บ่อยครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และลานบินมักจะอยู่ในพื้นที่ภูเขา ที่เข้าถึงยาก
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- เนปาลเร่งค้นหา ‘เครื่องบินหาย’ ไม่รู้ชะตากรรม 22 ชีวิตบนเครื่อง
- เครื่องบินรมว.ท่องเที่ยวเนปาลตกยังไม่รู้ชะตากรรม
- ‘บังกลาเทศ’ โยน ‘สนามบินเนปาล’ ต้นเหตุบินตก
