จีนเปิดผลการศึกษาล่าสุด พบ การดื่มกาแฟ หรือชา หรือทั้งสองอย่าง อาจทำให้ความเสี่ยงเกิดโรคหลอดเลือดสมอง-สมองเสื่อม ลดลง
สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า คณะนักวิจัย จากมหาวิทยาลัยการแพทย์เทียนจิน ของจีน ใช้ข้อมูลจากยูเค ไบโอแบงก์ (UK Biobank) ฐานข้อมูลชีวการแพทย์ และทรัพยากรการวิจัยของสหราชอาณาจักร เพื่อศึกษาผู้เข้าร่วมการสำรวจอายุ 50-74 ปี จำนวน 365,682 คน ซึ่งรายงานว่าตนมีพฤติกรรมการดื่มกาแฟ และชา
การติดตามผลระยะเฉลี่ย 11.4 ปีสำหรับโรคระยะแรกเริ่ม พบว่าผู้เข้าร่วมจำนวน 5,079 คนมีภาวะสมองเสื่อม (dementia) และผู้เข้าร่วม 10,053 คนเคยมีอาการหลอดเลือดสมอง (stroke) อย่างน้อยหนึ่งครั้ง
ดื่มกาแฟ-ชา เสี่ยงสมองเสื่อมต่ำสุด
ผลการศึกษาดังกล่าว ซึ่งตีพิมพ์ในวารสารพีแอลโอเอส เมดิซิน (PLOS Medicine) พบว่าผู้ที่ดื่มกาแฟ 2-3 แก้ว หรือชา 3-5 แก้วทุกวัน หรือดื่มทั้งกาแฟ และชา 4-6 แก้ว มีอัตราการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง หรือภาวะสมองเสื่อมต่ำที่สุด
เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ดื่มทั้งกาแฟและชา กลุ่มผู้ดื่มกาแฟ 2-3 แก้วและดื่มชา 2-3 แก้ว ในทุกวัน มีความเสี่ยงเป็นโรคหลอดเลือดสมองต่ำกว่าถึง 32% และมีความเสี่ยงเกิดภาวะสมองเสื่อมต่ำกว่า 28%
ขณะเดียวกัน ผลการศึกษายังชี้ว่าความเสี่ยงที่จะมีภาวะสมองเสื่อม หลังจากเป็นโรคหลอดเลือดสมองซึ่งลดต่ำลงนั้น มีความเกี่ยวข้องกับการดื่มกาแฟเพียงอย่างเดียว หรือดื่มกาแฟร่วมกับชา
คณะนักวิจัยยังประเมินความเชื่อมโยงของประเภทของกาแฟ กับโรคหลอดเลือดสมอง และภาวะสมองเสื่อม โดยจากการศึกษากาแฟบด การแฟสำเร็จรูป และกาแฟไม่มีคาเฟอีน พบว่าผู้ดื่มกาแฟบด เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงที่ลดลงอย่างมาก ในการเกิดภาวะสมองเสื่อม โรคอัลไซเมอร์ และภาวะสมองเสื่อมจากโรคหลอดเลือดสมอง
อนึ่ง กาแฟอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ ขณะที่ชามีคาเฟอีนและคาเทชิน (catechin) ซึ่งมีคุณสมบัติปกป้องระบบประสาท เช่น มีฤทธิ์ต้านความเครียดที่เกิดจากออกซิเดชัน และฤทธิ์ต้านการอักเสบ
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- รู้ทันอาการ ‘สมองเสื่อมถอย’ หลังติดเชื้อโควิด-19 ส่งผลเสียระยะยาว
- ‘อนามัยโลก’ จี้ทั่วโลก เตรียมพร้อมรับ ‘ผู้ป่วยสมองเสื่อม’ ชี้แนวโน้มพุ่ง
- ‘ผู้ป่วยสมองเสื่อม’ แพทย์แนะ คนดูแลต้องพร้อมทั้งกาย-ใจ