ชาวอังกฤษที่หวาดวิตกกับชีวิต ที่ไม่ได้อยู่ในสหภาพยุโรป (อียู) อีกต่อไปรวมตัวเดินขบวนไปยังรัฐสภา ในความพยายามที่จะยุติการแยกตัวออกจากอียู (เบร็กซิท)
กลุ่มผู้จัดการประท้วงที่ชื่อว่า “People’s Vote March” ระบุว่า การประท้วงครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมการประชุมมากถึง 700,000 คน ซึ่งถือเป็นการชุมนุมในเรื่องนี้ ครั้งใหญ่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยส่วนใหญ่จะเป็นคนหนุ่มสาว และยังมีสมาชิกสภานิติบัญญัติจำนวนหนึ่ง ที่ต้องการให้ทำประชาพิจารณ์รอบใหม่ ให้การสนับสนุนด้วย
นายซาดิค ข่าน นายกเทศมนตรีกรุงลอนดอน ซึ่งเป็นผู้นำในการชุมนุมประท้วงครั้งนี้ ได้ขึ้นกล่าวปราศรัยต่อผู้ชุมนุมบริเวณพาร์เลียเมนท์ สแควร์ พร้อมกับตัวแทนจากพรรคการเมืองหลักๆ อีกจำนวนหนึ่ง นอกเหนือจากบุคคลที่มีชื่อเสียง อย่าง สตีฟ คูแกน ดีเลีย สมิธ และเดบอราห์ มีเดน
นายข่านระบุว่า สิ่งที่สำคัญอย่างแท้จริงสำหรับเรื่องนี้ คือ กลุ่มคนที่บอกว่า การทำประชาพิจารณ์เกิดขึ้นอย่างไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่รักชาติ ซึ่งตามความเป็นจริงแล้ว ความเห็นในทางตรงกันข้าม คือความเป็นจริง
“ไม่มีอะไรที่จะเป็นประชาธิปไตย เป็นอังกฤษได้มากไปกว่า การเชื่อใจในการตัดสินใจของชาวอังกฤษ”
การเดินขบวนประท้วงต่อต้านเบร็กซิทครั้งนี้ ยังเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่กลุ่มผู้สนับสนุนจัดชุมนุมสนับสนุนที่เมืองแฮร์โรเกท ภายใต้การนำของนายไนเจล ฟาราจ อดีตผู้นำพรรคยูคิพ พรรคการเมืองฝ่ายขวาจัดของอังกฤษ
“สารทั้งหมดที่เราต้องการส่งออกไปก็คือ เดินหน้าต่อไป ทำตามที่พวกคุณสัญญาไว้กับพวกเรา คุณบอกว่า ถ้าเราลงประชามติให้ออก ก็จะต้องเป็นอย่างนั้น มันต้องเป็นอย่างนั้น”
