World News

วิตกยุโรปล็อกดาวน์-ขัดแย้งมาตรการอัดฉีด กดดัน ‘ดาวโจนส์’ ร่วงต่อเนื่อง

ตลาดหุ้นสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (22 ก.ย.) ท่ามกลางความไม่แน่นอน เกี่ยวกับการอัดฉีดเศรษฐกิจเพิ่มเติม และความกังวลถึงการล็อกดาวน์รอบใหม่ในยุโรปเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งอาจกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ กดดันให้ตลาดยังเคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบ ท่ามกลางแรงซื้อขายที่เบาบาง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 27,022.42 จุด ลดลง 125.28 จุด หรือ 0.46% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 3,271.78 จุด ลดลง 9.28 จุด หรือ 0.28% และดัชนีแนสแด็กที่ 10,766.12 จุด ลบ 12.68 จุด หรือ 0.12%

Stocks ๒๐๐๙๒๒ 0

นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวต่อรัฐสภาอังกฤษในวันนี้ว่า อังกฤษกำลังถึงจุดเปลี่ยนที่สำคัญ ซึ่งเขาจะต้องดำเนินการในขณะนี้ เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

อย่างไรก็ดี นายจอห์นสันปฏิเสธที่จะประกาศมาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศอย่างเต็มรูปแบบเป็นครั้งที่ 2 เหมือนที่เคยดำเนินการเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

“เรากำลังตัดสินใจ และใช้มาตรการที่เหมาะสม เพื่อสร้างความสมดุล ต่อการรักษาชีวิตประชาชน รวมทั้งปกป้องการจ้างงานและการดำเนินชีวิตของประชาชน”

ในการแถลงต่อรัฐสภาในวันนี้ นายจอห์นสัน ยังพูดถึงมาตรการ ที่รัฐบาลแนะนำให้ประชาชนปฏิบัติ เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งได้แก่ การให้ประชาชนทำงานจากที่บ้าน หากสามารถทำได้, ผับและร้านอาหารจะต้องปิดร้านตั้งแต่เวลา 22.00 น. โดยเริ่มตั้งแต่วันพฤหัสบดีนี้ (24 ก.ย.)

ประชาชนห้ามรวมกลุ่มกันมากกว่า 6 คน กำหนดสถานที่จำนวนมากขึ้น ที่บังคับให้ประชาชนจะต้องสวมหน้ากากอนามัย และรกำหนดบทลงโทษสำหรับภาคธุรกิจ และประชาชนที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาล

นายจอห์นสัน เตือนด้วยว่ารัฐบาลจะบังคับใช้มาตรการดังกล่าวเป็นเวลา 6 เดือน หากยังไม่มีความคืบหน้าใหม่ๆ ในด้านการพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 และรัฐบาลจะใช้มาตรการที่เข้มงวดขึ้น หากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น

วันนี้ นักลงทุนยังจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ซึ่งจะกล่าวชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ เกี่ยวกับการดำเนินการของเฟด และรัฐบาลสหรัฐในการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

สื่อเผยแพร่ร่างแถลงการณ์ของนายพาวเวล ก่อนที่จะเข้าชี้แจงดังกล่าว ซึ่งเขาระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐกำลังฟื้นตัว แต่อาจจะต้องใช้เวลาอีกนาน กว่าที่จะฟื้นตัวอย่างเต็มที่จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

“มีสัญญาณหลายอย่างบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว แต่ทั้งตัวเลขการจ้างงาน และกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวม ยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าก่อนช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 และทิศทางเศรษฐกิจในวันข้างหน้ายังคงมีความไม่แน่นอนสูงมาก”

นอกจากนี้ เฟดยังคงมุ่งมั่นที่จะใช้เครื่องมือทั้งหมดที่มีอยู่ในขณะนี้ เพื่อพยุงเศรษฐกิจสหรัฐให้ฟื้นตัวจากผลกระทบของโควิด-19 ที่แพร่ระบาดในขณะนี้ และเพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่า เครื่องมือเหล่านี้จะช่วยให้เศรษฐกิจสามารถฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง และลดความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเศรษฐกิจ

ในร่างแถลงการณ์ฉบับนี้ นายพาวเวลยังย้ำถึงความจำเป็นของการใช้นโยบายทั้งในด้านการเงินและการคลัง เพื่อป้องกันไม่ให้การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจในระยะยาว

การเข้าชี้แจงข้างต้น เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ สภาคองเกรส และทำเนียบขาว ยังขัดแย้งกันอยู่ ถึงการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ รวมทั้งรายงานซึ่งระบุว่า ธนาคารขนาดใหญ่หลายแห่ง มีส่วนเกี่ยวข้องในการทำธุรกรรมทางการเงินที่ผิดกฎหมาย และการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยืนยันว่าจะไม่อนุมัติการขายกิจการของติ๊กต็อก (TikTok) ให้แก่ออราเคิล คอร์ป และวอลมาร์ท อิงค์ หากไบท์แดนซ์ (ByteDance) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของติ๊กต็อกยังคงถือหุ้นส่วนใหญ่

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo