World News

ผู้เชี่ยวชาญหวั่นประท้วง ‘จอร์จ ฟลอยด์’ เร่งโควิด-19 ระบาดหนักในอเมริกา

ผู้เชี่ยวชาญเตือน! เหตุประท้วง “จอร์จ ฟลอยด์” เร่งโควิด-19 ระบาดหนักในอเมริกา คาดผลปรากฎใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า

GettyImages 1236716868

ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเตือน การรวมตัวของผู้ชุมนุมหลายหมื่นคนที่ออกมาประท้วงบนท้องถนนทั่วสหรัฐ กรณี “จอร์จ ฟลอยด์” ชายชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันที่เสียชีวิตขณะถูกตำรวจจับกุมเมื่อสัปดาห์ก่อน อาจเร่งให้การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) รวดเร็วยิ่งขึ้น

จางจั้วเฟิง ศาสตราจารย์ด้านระบาดวิทยาและรองคณบดีฝ่ายวิจัยของสำนักวิชาสาธารณสุข มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียในนครลอสแอนเจลิส เผยกับสำนักข่าวซินหัวว่า “การรวมตัวขนาดใหญ่ในหลายพื้นที่ทั่วสหรัฐ ส่งผลให้เกิดการติดต่อใกล้ชิดและขาดการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) แม้ผู้ชุมนุมจำนวนมากสวมหน้ากาก แต่โอกาสติดเชื้อก็เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล”

ไมเคิล ออสเตอร์โฮล์ม ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและนโยบายโรคติดเชื้อ มหาวิทยาลัยมินนิโซตา กล่าวว่าการยิงแก๊สน้ำตาและใช้สเปรย์พริกไทยของตำรวจ กอปรกับควันจากการจุดไฟเผารถยนต์และสิ่งปลูกสร้างของผู้ประท้วง ล้วนก่อให้เกิดอาการไอจาม ซึ่งเป็นอาการที่ทำให้ไวรัสอยู่ในละอองลอย (aerosol) จนเพิ่มความเสี่ยงของการแพร่เชื้อ

ทั้งนี้ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐระบุว่า ผู้ป่วยโรคโควิด-19 อย่างน้อย 1 ใน 3 เป็นผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการของโรค (asymptomatic)

miini

อีก 2 สัปดาห์ปรากฎผล

จางเสริมว่าความเสี่ยงของการติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นอีกเมื่อผู้ประท้วงถูกจับกุมเพราะ “เรือนจำเป็นพื้นที่ในร่มที่มีความแออัดยัดเยียด การจับผู้ประท้วงเข้าไปอยู่รวมกันในเรือนจำจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงของการแพร่เชื้อไวรัสอย่างต่อเนื่อง”

สำนักข่าวเอพีของสหรัฐรายงานว่า มีการจับกุมประชาชนมากกว่า 5,600 คน ระหว่างการประท้วงทั่วประเทศในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ขณะที่นายกเทศมนตรีและผู้ว่าการรัฐทั่วสหรัฐ เรียกร้องบรรดาผู้ชุมนุมอยู่ที่บ้าน แต่หากจะออกมาข้างนอกให้สวมหน้ากากปิดคลุมจมูก-ปากและรักษาระยะห่างทางสังคม

สำนักข่าวเอบีซี นิวส์ รายงานว่า แม้เจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐได้ตักเตือนผู้ชุมนุมเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านสุขภาพที่เกิดจากการประท้วงในช่วงที่มีโรคระบาดใหญ่ แต่กลับไม่ค่อยมีการนำเสนอแนวทางที่ปฏิบัติได้จริงและส่งเสริมบทบาทของการตรวจโรคโควิด-19 ซึ่งสามารถช่วยป้องกันการแพร่เชื้อได้

เนื่องจากผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เกือบทั้งหมดใช้เวลาพัฒนาอาการของโรคราว 14 วัน และสามารถแพร่กระจายโรคได้หลายวันก่อนเกิดอาการเจ็บป่วยชัดเจน ทำให้โอกาสของการตรวจโรคและหลีกเลี่ยงการแพร่เชื้อสู่ผู้อื่นน้อยลง

“ผลกระทบจากการประท้วง ต่อจำนวนผู้ป่วยโรคโควิด-19 ในสหรัฐ อาจปรากฏออกมาในอีกราว 2 สัปดาห์ ขณะที่จุดตรวจโรคโควิด-19 บางส่วนต้องปิดทำการเพราะการชุมนุม ก็ส่งผลกระทบต่อการวินิจฉัยโรคโควิด-19 อย่างทันท่วงที” จางกล่าว

การประท้วงกรณีการเสียชีวิตของจอร์จ ฟลอยด์ ยืดเยื้อและกินวงกว้างทั่วสหรัฐ โดยมีการวางเพลิง การทำลายทรัพย์สิน และการปล้นทรัพย์ในหลายพื้นที่ ยกระดับความรุนแรงจนหลายเมืองและรัฐอย่างแคลิฟอร์เนีย วอชิงตัน ดี.ซี. นิวยอร์กซิตี และคลีฟแลนด์ ต้องประกาศเคอร์ฟิว

George Floyd จอร์จ ฟลอยด์

จอร์จ ฟลอยด์ ติดโควิด-19 ก่อนเสียชีวิต

ทั้งนี้ เอกสารชันสูตรศพ ความยาว 20 หน้า ที่สำนักงานตรวจสอบทางการแพทย์ เขตเฮนเนปิน ในเมืองมินิแอโพลิส รัฐมินนิโซตา ของสหรัฐ เปิดเผยออกมาเมื่อวานนี้ (3 มิ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น ระบุว่า ผลการตรวจสอบหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ของฟลอยด์ เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2563 ได้ผลออกมาเป็นบวก สำหรับรหัสพันธุกรรมไวรัส หรือ RNA

รายงานอธิบายว่า RNA สามารถอยู่ในร่างกายของคนเราได้นานหลายสัปดาห์ หลังจากที่หายป่วยจากโรคแล้ว ซึ่งผลบวกในการทดสอบครั้งที่ 2 หลังจากที่เขาเสียชีวิตไปแล้ว มีแนวโน้มที่จะแสดงให้เห็นว่า การติดเชื้อของฟลอยด์ วัย 46 ปี น่าจะเป็นผลมาจากการติดเชื้อก่อนหน้าที่เขาจะเสียชีวิตเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2563

ก่อนหน้านี้ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อสหรัฐ (CDC) เคยระบุไว้ว่า การตรวจ RNA เป็นบวก ไม่จำเป็นต้องหมายความว่า บุคคลนั้นติดเชื้อ  ซึ่งจนถึงขณะนี้ ยังไม่ชัดเจนว่า ฟลอยด์ได้แสดงอาการของโรคในช่วงต้นปีนี้หรือไม่ หรือว่าตัวเขาเป็นแค่พาหะเท่านั้น

ทั้งนี้ ฟลอยด์ กลายมาเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก จากคลิปวีดิโอขณะที่ตัวเขาถูกจับกุม โดยถูกกดให้นอนคว่ำหน้ากับพื้น มือถูกสวมกุญแจมือไพล่หลังอยู่ และมีนายตำรวจผิวขาวรายหนึ่ง ที่ต่อมาทราบชื่อเดเรค ชอวิน ใช้เข่ากดอยู่บริเวณคอของฟลอยด์  นานกว่า 9 นาที โดยไม่สนใจคำร้องขอของฟลอยด์ ที่บอกกว่าเขาหายใจไม่ออก จนกระทั่งเขาหมดสติ ก่อนที่จะมีประกาศในเวลาต่อมาว่า เขาเสียชีวิต

ล่าสุด สำนักงานอัยการสูงสุด ของมินนิโซตา ยังสั่งปรับข้อหาชอวิน  ให้มีโทษหนักขึ้น จากเดิมที่ทางการตั้งข้อหาฆ่าคนตายโดยไม่ไตร่ตรองไว้ก่อน (third degree murder) มาเป็นทำให้ผู้อื่นเสียชีวิตโดยมีเจตนา แต่ไม่ได้วางแผนก่อนล่วงหน้า (second degree murder) ซึ่งจะทำให้เขาต้องรับโทษจำคุกสูงสุดถึง 40 ปี ซึ่งมากกว่าโทษเดิมถึง 15 ปี พร้อมทั้งตั้งข้อหาตำรวจอีก 3 นายที่เกี่ยวข้องกับการตายของฟลอยด์ จากเดิมที่ทั้ง 3 ไม่ได้ถูกตั้งข้อหาจากเรื่องนี้แต่อย่างใด

ที่มาสำนักข่าวซินหัว

Avatar photo