เจ้าหน้าที่กู้ภัยจีนสามารถช่วยเหลือผู้คน ออกจากซากตึกโรงแรม ที่ใช้เป็นสถานที่กักโรคไวรัสโควิด-19 ได้แล้วมากกว่า 40 คน หลังจากตัวอาคารเกิดพังถล่มลงมา
สำนักข่าวซินหัวของทางการจีน รายงานว่า โรงแรมซินเจีย ขนาด 80 ห้อง ในเมืองเฉวียนโจว มณฑลฝูเจี้ยน ทางตะวันออกของจีน พังถล่มลงมาเมื่อเวลาประมาณ 19.30 น. วานนี้ (7 มี.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยร่วม 800 คน ได้เร่งมือค้นหา และช่วยเหลือผู้รอดชีวิตกันตลอดทั้งคืน
ล่าสุด สามารถช่วยเหลือผู้ที่ติดอยู่ใต้ซากตึกออกมาได้แล้ว 43 คน ซึ่งในตอนแรกนั้น เจ้าหน้าที่ประเมินว่า มีผู้พำนักอยู่ในอาคารราว 70 คน แต่จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีการยืนยันว่า มีผู้เสียชีวิตหรือไม่แต่อย่างใด และยังไม่ทราบแน่ชัดถึงสาเหตุที่ทำให้อาคารโรงแรมพังถล่มลงมา
ทั้งนี้ เมืองเฉวียนโจว มีรายงานถึงผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั้งหมด 49 คน และโรงแรมที่เกิดเหตุ ซึ่งเพิ่งเปิดให้บริการได้เพียง 2 ปีเท่านั้น ถูกนำมาใช้เป็นที่พักสำหรับกักโรคบุคคลที่มีการติดต่อใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันแล้ว
#COVIDー19 #China
This is why people should not build buildings in a few days like they do in the Mao Zone..
"Dozens trapped after hotel collapses in Quanzhou, China" https://t.co/yWnGI8sGLA— Tiffany Fijalkovic (@Alienzonerth) March 7, 2020
อย่างไรก็ดี เหตุการณ์ตึกถล่ม ถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรสำหรับชาวจีน เพราะที่ผ่านมามักเกิดเหตุการณ์ทำนองนี้อยู่บ่อยครั้ง และมักถูกโทษว่าเป็นผลมาจากการที่เศรษฐกิจของประเทศเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้มีการมองข้ามกฎระเบียบด้านความปลอดภัย และผู้รับเหมาลัดขั้นตอนเพื่อเร่งสร้างอาคารให้เสร็จ
เมื่อปี 2559 มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 คน จากเหตุอาคารหลายชั้น ที่สร้างขึ้นอย่างหยาบๆ และเป็นที่พักของแรงงานอพยพจำนวนมาก พังถล่มลงมาในเมืองเวินโจว ทางตะวันออกของจีน และเมื่อปีที่แล้วมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 10 คน ที่นครเซี่ยงไฮ้ จากเหตุตึกที่อยู่ระหว่างการปรับปรุงใหม่ถล่ม
