มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก คาดการณ์ว่า จะมองเห็นความก้าวหน้าในเทคโนโลยีความจริงเสมือน (augmented reality : AR) ตลอดระยะเวลา 10 ปีจากนี้เป็นต้นไป
ในการก้าวเข้าสู่ปีใหม่ 2563 และทศวรรษใหม่ 2020 นี้ ซักเคอร์เบิร์ก ผู้ร่วมก่อตั้ง “เฟซบุ๊ก” ยักษ์ใหญ่สื่อสังคมออนไลน์ ไม่ได้ตั้งเป้าความท้าทายใดๆ สำหรับตัวเอง เหมือนที่เคยทำมาเป็นประจำทุกปีตลอดเวลา 10 ปีที่ผ่านมา แต่กลับใช้แพลตฟอร์มของตัวเอง คาดการณ์ถึงการพัฒนาครั้งสำคัญในช่วง 10 ปีข้างหน้า ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ “เทคโนโลยีเออาร์” ที่จะผงาดขึ้นมาอย่างโดดเด่นในทศวรรษนี้
“แพลตฟอร์มเทคโนโลยีสำหรับทศวรรษ 2010 คือ โทรศัพท์มือถือ และแม้ผมจะคาดการณ์ว่ามือถือจะยังเป็นอุปกรณ์อันดับต้นๆ ตลอดทั้งทศวรรษนี้ แต่ในจุดหนึ่ง ของทศวรรษ 2020 แล้ว เราจะได้เห็นความก้าวหน้าครั้งใหญ่ของแว่นตาเออาร์ ที่จะช่วยสร้างนิยามใหม่ให้กับความสัมพันธ์ของเรากับเทคโนโลยี”
เออาร์ เป็นเทคโนโลยีที่เปิดทางให้ผู้ใช้งานสามารถนำวัตถุดิจิทัล มารวมไว้ในโลกจริงได้ ซึ่งทุกวันนี้เป็นเทคโนโลยีที่ใช้กับสมาร์ทโฟน แต่บริษัทบางราย อาทิ ไมโครซอฟท์ และ เมจิค ลีป ก็ได้เปิดตัวชุดสวมศีรษะเออาร์ (AR headsets) แบบเต็มตัวออกมาแล้่ว
เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว มีรายงานว่า เฟซบุ๊กอยู่ระหว่างการพัฒนาแว่นตาเออาร์ โดยใช้ชื่อรหัสว่า โอไรออน ที่ห้องทดลองของบริทในเมืองเรดมอนด์ รัฐวอชิงตัน สหรัฐ ทั้งบริษัทยังหวังที่จะจับมือเป็นพันธมิตรกับ “ลูซอตติกา” บริษัทแม่ของเรย์แบนด์ ในเรื่องของการออกแบบ โดยตั้งเป้าที่จะเปิดตัวระหว่างปี 2565 – 2568 ทั้งเฟซบุ๊ก ยังอยู่ระหว่างการพัฒนาผู้ช่วยแบบเสียง ที่จะควบคุมแว่นตาโอไรออนด้วย
ทั้งนี้ เฟซบุ๊กเริ่มต้นรุกเข้าสู่ธุรกิจฮาร์ดแวร์สำหรับเทคโนโลยีเสมือนจริง(วีอาร์) และเออาร์มาตั้งแต่ปี 2557 จากการเข้าซื้อกิจการบริษัทโอคูลัส วีอาร์ ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกวีอาร์ ในวงเงิน 2,000 ล้านดอลาร์ และเมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว เฟซบุ๊กยังเปิดตัวชุดอุปกรณ์สวมศีรษะสำหรับเล่นเกมเออาร์รุ่นบุกเบิก โอคิวรัส ริฟต์ เอส ในราคา 399 ดอลลาร์
ซักเคอร์เบิร์ก ยังได้กล่าวถึงเสียงวิจารณ์ก่อนหน้านี้ ในเรื่องที่ว่าผลิตภัณฑ์เออาร์มักจะให้ความรู้สึกที่ไม่เป็นธรรมชาติ และน่ารำคาญ โดยบอกว่า แม้อุปกรณ์ในยุคแรกๆ จะดูเทอะทะ แต่ของเหล่านี้ก็เหมือนจะเป็นแพลตฟอร์มเทคโนโลยีสังคม และดูเป็นมนุษย์มากที่สุดเท่าที่เคยมีการสร้างกันขึ้นมา
พร้อมกันนี้ เขายังได้ยกตัวอย่างถึงประเด็นทางเศรษฐกิจสังคมจำนวนหนึ่ง ที่เขาคิดว่าเออาร์จะช่วยแก้ไขปัญหาได้ อย่าง ค่าใช้จ่ายในบ้านที่เพิ่มสูงขึ้น และความไม่เท่าเทียมกันทางด้านโอกาสทางภูมิศาสตร์ ซึ่งเออาร์จะช่วยให้บุคคลมีอำนาจมากขึ้นที่จะอยู่ได้ในทุกที่ที่ต้องการ พร้อมกับทำงานจากระยะทางไกลได้
“ลองคิดภาพดูว่า คุณสามารถอยู่ได้ทุกที่ตามที่ต้องการ โดยที่สามารถเข้าถึงงานทุกประเภทได้จากทุกๆ ที่ที่อยู่ ถ้าหากว่าเรานำเสนอสิ่งที่เราสร้างขึ้นมา เรื่องที่คิดไว้นั้น ก็ใกล้จะกลายเป็นความจริงได้ภายในปี 2573”