ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เกิดเหตุประท้วงขนาดใหญ่ขึ้นหลายจุดทั่วโลก มีผู้คนจำนวนมากออกมาชุมนุมเพื่อแสดงให้รัฐบาลเห็นถึงความต้องการของตนเอง โดยหลายที่ การประท้วงเต็มไปด้วยความรุนแรง ลงเอยด้วยการบาดเจ็บ และเสียชีวิต
The Bangkok Insight รวบรวมมาให้ดูว่าการประท้วงกำลังเกิดขึ้นที่ไหนในโลกบ้าง และเหตุการณ์เป็นอย่างไร
ฮ่องกง
การประท้วงที่ยืดเยื้อมาร่วม 5 เดือน และมีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น โดยการประท้วงในฮ่องกงมีจุดเริ่มต้นมาจากการต่อต้านร่างกฎหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนฉบับปรับปรุงใหม่ ที่เปิดทางให้ส่งตัวผู้ถูกกล่าวหาไปตัดสินในจีนได้ ก่อนที่บานปลายออกเป็น 5 ข้อเรียกร้อง รวมถึง การสนับสนุนประชาธิปไตยของเกาะฮ่องกง
สถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในฮ่องกง ทำให้คณะเจ้าหน้าที่บริหารเกาะฮ่องกง ตัดสินใจประกาศภาวะฉุกเฉิน พร้อมออกคำสั่งห้ามสวมหน้ากากเข้าร่วมการชุมนุม แต่ไม่เป็นประสบผลสำเร็จที่จะห้ามปรามการชุมนุม ร้านค้า ร้านอาหารหลายแห่งที่มีสายสัมพันธ์กับจีนแผ่นดินใหญ่ รวมถึงธนาคารจีน และร้านขายมือถือของจีนตกเป็นเป้าหมายของการโจมตีจากกลุ่มผู้ประท้วงเพิ่มขึ้น
ทั้งเหตุการณ์ยังทวีความรุนแรงขึ้นอีกช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุศาลเตี้ยรุมทำร้ายแกนนำจัดการชุมนุม และมีผู้ประท้วงรายหนึ่งถูกแทง ขณะยืนแจกใบปลิว โดยการประท้วงครั้งล่าสุดนี้ มีผู้บาดเจ็บเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล 24 คน ในจำนวนนี้มีอาการสาหัส 6 คน
กาตาลุญญา , สเปน
การประท้วงเกิดขึ้นที่เมืองบาร์เซโลนา ในแคว้นกาตาลุญญา ทางเหนือของสเปน ซึ่งมีชนวนจากคำตัดสินของศาลฎีกา ให้อดีตคณะผู้บริหารระดับสูงของแคว้นกาตาลุญญา 9 คน รับโทษจำคุกระหว่าง 9 ปีถึง 13 ปีในข้อหาปลุกระดมทางการเมือง เพื่อกระตุ้นแนวคิดแบ่งแยกดินแดน และนำงบประมาณสาธารณะมาใช้อย่างไม่เหมาะสม ในการรณรงค์ลงประชามติประกาศเอกราชเมื่อปี 2560 โดยนายโอริโอล ยุงเกราส อดีตรองประธานาธิบดีของแคว้นกาตาลุญญา เป็นคนเดียวที่รับโทษจำคุกสูงสุด 13 ปี
ล่าสุด มีประชาชนเกือบ 200 คนได้รับบาดเจ็บในเหตุปะทะกันระหว่างกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่ขว้างปาก้อนหินและปะทัดเข้าใส่ตำรวจ ที่ตอบโต้พวกเขาด้วยการใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนยาง เจ้าหน้าที่จับกุมผู้ก่อความไม่สงบแล้วอย่างน้อย 128 คน และเตือนว่าจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายของรัฐบาลกลาง ที่บทลงโทษจำคุกสูงสุดคือ 6 ปี
บรรดาผู้นำแบ่งแยกดินแดนแคว้นกาตาลุญญา เรียกร้องรัฐบาลสเปนให้เข้าสู่การเจรจา โดยนายควิม ทอร์รา หนึ่งในผู้นำแคว้นกาตาลุญญา บอกว่า ต้องการให้นายกรัฐมนตรีเปโดร ซานเชซ ของสเปน เจรจากับพวกเขาแบบไม่มีเงื่อนไข
ซานติอาโก, ชิลี
ชิลีขยายพื้นที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินรับมือการประท้วงที่ทวีความรุนแรง ครอบคลุมถึงเมืองอื่นๆ ทั้งทางตอนเหนือและตอนใต้ของประเทศ นอกเหนือจากกรุงซานติอาโก หลังจากเกิดเหตุปล้นสะดมและเผาโรงงานสิ่งทอ จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 คน ส่งผลให้มียอดผู้เสียชีวิตจากเหตุจลาจลเพิ่มขึ้นเป็น 7 คนแล้ว จากชนวนเหตุการประกาศขึ้นค่าโดยสารรถไฟใต้ดินของทางการ
ขณะที่มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่จับกุมผู้ประท้วงทั่วประเทศมากกว่า 1,460 คน และจากการปะทะกับเจ้าหน้าที่ทำให้มีผู้ถูกยิงได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 2 คน
ปอร์โตแปรงซ์, เฮติ
ชาวเฮติหลายร้อยคนเดินขบวนประท้วงในกรุงปอร์โตแปรงซ์ เรียกร้องให้ประธานาธิบดีโชเวเนล โมอีส วัย 51 ปี ลาออก จากความไม่พอใจปัญหาการขาดแคลนเชื้อเพลิงและอาหารในประเทศ
การประท้วงรุนแรงซึ่งเริ่มต้นมาตั้งแต่เดือนก่อน ทำให้โรงเรียน สถานที่ราชการ และธุรกิจร้านค้า ต้องปิดทำการ ขณะที่องค์การนอกรัฐต้องระงับการส่งความช่วยเหลือให้แก่เฮติ ซึ่งเป็นประเทศยากจนที่สุดในภูมิภาคอเมริกา
เบรุต, เลบานอน
การประท้วงในเลบานอน เกิดขึ้นจากความไม่พอใจที่มีการขึ้นภาษีด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน บุหรี่ หรือกระทั่งภาษีโทรคมนาคม รวมถึงมีการกล่าวหาเรื่องการทุจริตคอร์รัปชันของเจ้าหน้าที่รัฐบาล นอกจากนี้ยังมีพรรคร่วมรัฐบาลส่วนหนึ่งประกาศลาออกเพื่อประท้วงด้วย
ขณะที่โรงเรียน ร้านค้าท้องถิ่น และธนาคารยังคงปิดทำการอยู่ โดยผู้ชุมนุมที่ปักหลักที่จัตุรัสวีรชนรู้สึกว่ามาตรการของรัฐบาลไม่พอที่จะแก้ปัญหา และต้องการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล แม้ว่ารัฐบาลชุดปัจจุบัน จะยอมยกเลิกการขึ้นภาษีแล้ว และประกาศว่าจะทำให้มีการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ลดเงินเดือนนักการเมือง และจัดการปัญหาขาดดุลของเลบานอน
ลอนดอน, อังกฤษ
ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ชาวอังกฤษหลายแสนคน ออกมาเดินขบวนประท้วง ไปตามท้องถนนในกรุงลอนดอนอย่างสงบ เพื่อเรียกร้องให้มีการจัดประชามติครั้งใหม่ ที่จะตัดสินว่าจะให้สหราชอาณาจักร ออกจากการเป็นสมาชิกอียูหรือไม่ ซึ่งผู้จัดการชุมนุมประท้วงครั้งนี้ ให้เหตุผลว่า ร่างข้อตกลงใหม่ของนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ไม่ได้เป็นไปตามสิ่งที่ชาวอังกฤษได้รับคำมั่นสัญญาไว้ก่อนหน้านี้
การชุมนุมครั้งนี้ ยังเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันทึ่ สมาชิกรัฐสภาอังกฤษ มีมติให้ให้เลื่อนการตัดสินใจร่างข้อตกลงเบร็กซิทฉบับใหม่ออกไปก่อน จนกว่าจะสามารถผ่านร่างกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องได้ทั้งหมด กดดันให้นายกรัฐมนตรีจอห์นสัน ต้องไปเจรจากับอียู เพื่อเลื่อนเส้นตายเบร็กซิทออกไปอีกครั้ง
นายกรัฐมนตรีจอห์นสัน ได้เขียนจดหมายไปยังอียู เพื่อขยายเวลาออกจากสหภาพยุโรป ไปอีก 3 เดือน จากเดิม 31 ตุลาคม เป็น 31 มกราคม ปีหน้า แต่ในจดหมายดังกล่าวนายจอห์นสันไม่ยอมลงนามในชื่อของตัวเอง เพราะไม่เห็นด้วยกับสภา ที่จะเลื่อนเส้นตายเบร็กซิทออกไป
