มาเลเซียสั่งปรับบุคคล และบริษัท รวม 80 รายในข้อหารับเงินจาก “วันเอ็มดีบี” กองทุนอื้อฉาวที่เกี่ยวข้องกับการยักยอก และฟอกเงิน
นางลาธีฟา โคยา ประธานคณะกรรมาธิการต่อต้านคอร์รัปชันมาเลเซีย (เอ็มเอซีซี) เปิดเผยในวันนี้ (7 ต.ค.)ว่า ทางสำนักงานตั้งเป้าที่จะนำเงินของกองทุน 1มาเลเซีย ดิเวเลอปเมนท์ เบอร์ฮาด (วันเอ็มดีบี) กลับคืนมาจำนวน 420 ล้านริงกิต จากบุคคล และบริษัท ที่ถูกกล่าวหาว่ารับเงินจากกองทุน ที่ถูกนำไปฟอกเงินผ่านทางบัญชีของอดีตนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัก
“เราได้ออกประกาศแนบต่อบุคคล และบริษัททุกราย โดยมีเป้าหมายเพื่อให้พวกเขามาจ่ายค่าปรับ” นางลาธีฟา กล่าว และว่า ค่าปรับอาจสูงสุดถึง 2.5 เท่าจากจำนวนเงินที่บุคคล และบริษัทเหล่านี้ได้รับไป
บุคคลที่มีรายชื่ออยู่ในกลุ่มที่ต้องเสียค่าปรับ รวมถึง นายนาซีร์ ราซัก น้องชายของนายนาจิบ อดีตประธานกรรมการบริหารซีไอเอ็มบี ธนาคารรายใหญ่สุดอันดับ 2 ของมาเลเซ่ีย และนายชาห์รีร์ อับดุล ซาหมัด อดีตประธานกรรมการบริหารเฟลดา รัฐวิสาหกิจด้านน้ำมันปาล์ม
ในปี 2558 นายนาซีร์ เคยลาพักงาน หลังหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า เขารับเงินราว 7 ล้านดอลลาร์จากนายนาจิบ และได้กระจายเงินไปให้กับนักการเมืองรายต่างๆ ก่อนการเลือกตั้งปี 2556
การตรวจสอบอิสระในเส้นทางการเงินของกองทุนวันเอ็มดีบี ได้ข้อสรุปว่า นายนาซีร์ไม่ได้ใช้ตำแหน่งงานของตัวเองในทางที่ผิด และไม่ได้ใช้ทรัพยากรของซีไอเอ็มบีไปในทางที่ไม่เหมาะสม ซึ่งหลังจากนั้นนายนาซีร์ได้กลับมาทำงานอีกครั้ง ก่อนที่จะลาออกเมื่อปีที่แล้ว รวมอายุการทำงานที่ซีไอเอ็มบีร่วม 30 ปี
นางลาธีฟา ระบุว่า นายนาซีร์ได้รับเช็คจำนวน 25.7 ล้านริงกิจ แต่ไม่ยืนยันว่า เงินดังกล่าวเป็นก้อนเดียวกับที่เขาถูกกล่าวหาเมื่อปี 2556 หรือไม่
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สืบสวนทั้งของมาเลเซ่ีย และสหรัฐ ระบุว่า มีการใช้เงินจากกองทุนวันเอ็มดีบีอย่างไม่เหมาะสมคิดเป็นมูลค่าราว 4,500 ล้านดอลลาร์ ซึ่งกองทุนนี้อดีตนายกรัฐมนตรีนาจิบ ตั้งขึ้นมาเมื่อปี 2552
ปัจจุบัน นายนาจิบ ที่พ่ายการเลือกตั้งไปเมื่อปีที่แล้ว กำลังโดนดำเนินคดีกว่าสิบข้อหา ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริต และฟอกเงิน จากข้อกล่าวที่ว่า เขายักยอกเงินราว 1,000 ล้านดอลลาร์จากกองทุนวันเอ็มดีบี ซึ่งเขาปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา