หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่บริการเกาะฮ่องกง “แคร์รี หลำ” เรียกร้องให้ผู้ประท้วงเจรจากับทางการ และยุติการประท้วง หลังประกาศถอนร่างกฎหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนออกจากการพิจารณาของสภานิติบัญญัติอย่างเป็นทางการ พร้อมยืนยัน คณะเจ้าหน้าที่บริหารเกาะฮ่องกงเป็นผู้ตัดสินใจเรื่องนี้เอง และได้รับการสนับสนุนจากจีน
นางหลำ วัย 62 ปี แถลงในวันนี้ (5 ก.ย.) ว่า เธอตัดสินใจถอนร่างกฎหมายดังกล่าวเพราะต้องการป้องกันไม่ให้เกิดความรุนแรง หยุดยั้งความโกลาหลให้ได้โดยเร็วที่สุด ฟื้นความเป็นระเบียบในสังคม ช่วยให้เศรษฐกิจและชีวิตความเป็นอยู่ของชาวฮ่องกงเดินหน้าต่อไป
หลายคนรู้ดีว่าความไม่พอใจในขณะนี้ไปไกลกว่าเรื่องร่างกฎหมายแล้ว ซึ่งเธอเองตระหนักดีว่า กระแสไม่พอใจทางการ และเรื่องความไม่เท่าเทียม กำลังขยายวงขึ้นเรื่อย ๆ และจำเป็นต้องได้รับการแก้ไข โดยเธอได้ร้องขออีกครั้งให้ผู้ประท้วงเจรจากับทางการ และขอให้ผู้ประท้วงที่มีแนวคิดสายกลาง แยกตัวออกจากผู้ประท้วงที่มักใช้ความรุนแรงปะทะกับตำรวจปราบจลาจลตลอด 14 สัปดาห์ที่ผ่านมา
ผู้บริหารฮ่องกงย้ำด้วยว่า การตัดสินใจถอนร่างกฎหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนตามที่เธอกล่าวในคลิปที่เผยแพร่เมื่อเย็นวานนี้เป็นการตัดสินใจด้วยตัวเอง ไม่ได้รับคำสั่งจากรัฐบาลจีนที่เคารพและสนับสนุนการตัดสินใจของเธอ
“การตัดสินที่เกิดขึ้น เป็นการตัดสินใจของคณะเจ้าหน้าที่บริหารเกาะฮ่องกง แบบเดียวกับที่ตัดสินใจนำเสนอร่างกฎหมายฉบับนี้ต่อสภานิติบัญญัติ”
“ตลอดกระบวนการทั้งหมด รัฐบาลกลางจีนนั่งอยู่เฉยๆ เพราะพวกเขาเข้าใจถึงเหตุผลที่เราทำเช่นนี้ พวกเขาเคารพในมุมมองของดิฉัน และสนับสนุนดิฉันมาโดยตลอด ”
กลุ่มผู้ประท้วงทุกกลุ่มไม่ว่าสายกลางหรือสายแข็งกร้าว พากันประณามนางหลำที่เพิ่งตัดสินใจเรื่องนี้ โดยชี้ว่า หากตัดสินใจตั้งแต่สองเดือนก่อน สถานการณ์ก็อาจไม่บานปลายเช่นนี้ และไม่ทำให้เกิดข้อเรียกร้องอีก 4 ข้อที่ขณะนี้เธอยังไม่ยอมทำตาม ผู้ประท้วงยืนยันจะเดินหน้าต่อไป บางกลุ่มนัดแนะกันก่อกวนการเดินทางไปยังท่าอากาศยานานาชาติฮ่องกงในวันเสาร์นี้ (7 ก.ย.)
