นายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม แห่งมาเลเซีย วางแผนที่จะเพิ่มการใช้สกุลเงินริงกิตของมาเลเซียในการทำธุรกรรมทางการค้าแบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อลดผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ หลังดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินต่าง ๆ ของเอเชีย
สำนักข่าวนิกเกอิ เอเชีย รายงานว่า ในปีนี้ เงินริงกิตมาเลเซียอ่อนค่าลงประมาณ 5% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ และแตะระดับสุดในรอบ 25 ปีในช่วงปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่อง
รายงานระบุว่า เนื่องจากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกทำการค้าด้วยการใช้เงินดอลลาร์เป็นหลัก ดังนั้น สกุลเงินท้องถิ่นของแต่ละประเทศที่อ่อนค่าลงจะทำให้ต้นทุนการนำเข้าของประเทศนั้น ๆ เพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งยังเพิ่มภาระให้กับกลุ่มประเทศเกิดใหม่ที่มีหนี้สินสกุลเงินดอลลาร์ด้วย
นายอันวาร์ กล่าวว่า เงินริงกิตมาเลเซียยังคงอ่อนค่าลงแบบต่อเนื่อง แม้ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจในมาเลเซียกระเตื้องขึ้นแล้วก็ตาม
“เศรษฐกิจเติบโตดี อัตราว่างงานต่ำ เงินเฟ้อต่ำ และการลงทุนเริ่มเข้ามาแล้ว แล้วเงินริงกิตอ่อนค่าได้อย่างไร เรื่องนี้สวนทางกับปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ แต่ไม่มีใครอธิบายได้”
ผู้นำมาเลเซีย ยอมรับว่า เงินดอลลาร์มีความสำคัญ และมาเลเซียไม่ได้คิดจะเลิกใช้ดอลลาร์อย่างสิ้นเชิง
“ผมไม่ได้คิดจะให้มาเลเซียเลิกใช้ดอลลาร์ เงินดอลลาร์ ยังคงมีความสำคัญในฐานะตัวกลางการแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ แต่เราต้องการลดการพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐแบบค่อยเป็นค่อยไป”
ทั้งนี้ มาเลเซียได้ส่งเสริมการใช้เงินริงกิตกับคู่ค้าระดับภูมิภาคบางราย โดยธนาคารกลางมาเลเซียระบุว่า นับถึงเดือนกันยายนที่ผ่านมา 19.7% ของการทำการค้ากับไทยใช้สกุลเงินท้องถิ่น รวมถึง 17% สำหรับอินโดนีเซีย และ 23.3% สำหรับจีน
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘พาวเวล’ ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย มั่นใจเงินเฟ้อชะลอตัว-เศรษฐกิจกลับสู่ภาวะปกติ
- ‘กัมพูชา-เวียดนาม’ เปิดบริการจ่ายเงินผ่าน ‘คิวอาร์โค้ด’ ข้ามพรมแดน
- ญี่ปุ่นอนุมัติงบเพิ่ม 13.2 ล้านล้านเยน สู้ภาวะ ‘เงินเฟ้อ’
