ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส อินเตอร์มีเดียท (WTI) ปิดซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ ของสหรัฐ เมื่อวานนี้ (10 พ.ค.) ขยับขึ้นเล็กน้อย 55 เซนต์ หลังมีรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐมีแผนซื้อน้ำมันดิบเติมคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ของประเทศ
ราคาน้ำมันดิบ WTI กำหนดส่งมอบเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้น 55 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 73.71 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) กำหนดส่งมอบเดือนกรกฎาคม ราคาเพิ่มขึ้น 43 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 77.44 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ในช่วงแรกนั้น ตลาดถูกกดดันจากข้อมูลการค้าที่อ่อนแอของจีน โดยสำนักงานศุลกากรจีนรายงานว่า ยอดส่งออกเดือนเมษายน เพิ่มขึ้นเพียง 8.5% มาอยู่ที่ 295,420 ล้านดอลลาร์ ชะลอตัวจากเดือนมีนาคม ที่ขยายตัวแข็งแกร่งถึง 14.8% ขณะยอดนำเข้าในเดือนเดียวกัน 7.9% มาอยู่ที่ 205,210 ล้านดอลลาร์ ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องหลังลดลง 1.4% ในเดือนมีนาคม
อย่างไรก็ดี ราคาดีดตัวขึ้นในเวลาต่อมา หลังนางเจนนิเฟอร์ แกรนโฮล์ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานสหรัฐ เปิดเผยว่า รัฐบาลจะเริ่มซื้อน้ำมันดิบ เพื่อเติมคลังสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์ของประเทศ ช่วงปลายปีนี้ จากเมื่อปีที่แล้วที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้สั่งระบายน้ำมันจำนวนมากออกจากคลัง
ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (อีไอเอ) ที่ว่า อุปสงค์น้ำมันตามฤดูกาลมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น และการผลิตน้ำมันของสหรัฐมีแนวโน้มชะลอตัวลง
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘สหรัฐ’ โวยหนัก ‘โอเปคพลัส’ หั่นกำลังผลิตอีกวันละ 1.6 ล้านบาร์เรล ลั่น ไม่เหมาะสม!
- ‘โกลด์แมน แซคส์’ เพิ่มคาดการณ์ ‘น้ำมันเบรนท์’ หลัง ‘โอเปคพลัส’ ลดผลิตเพิ่ม
- ฉุดไม่อยู่! ‘น้ำมัน WTI’ พุ่งเกือบ 6% ทะลุ 80 ดอลล์ หลัง ‘โอเปคพลัส’ หั่นกำลังการผลิต