จับตา! วันนี้ (31 มี.ค.) “เอกชัย หงส์กังวาน และพวก” ฟังคำสั่งอัยการคดี “ประทุษร้ายเสรีภาพราชินี” ขวางขบวนเสด็จ โทษสูงสุดคุกตลอดชีวิต
เมื่อวานนี้ (30 มี.ค.) แฟนเพจเฟซบุ๊ก ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้โพสต์ข้อความว่า ในเวลา 10.00 น. วันนี้ (31 มี.ค.) นาย เอกชัย หงส์กังวาน และพวกรวม 5 คน จะเดินทางไปที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ เพื่อฟังคำสั่งในคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 110 “ประทุษร้ายเสรีภาพราชินี” จากกรณี ขวางขบวนเสด็จ ซึ่งกำหนดโทษต่ำสุดจำคุก 16 – 20 ปี และโทษสูงสุดคือจำคุกตลอดชีวิต
สำหรับข้อความทั้งหมดเป็นดังนี้
“พรุ่งนี้ (31 มีนาคม 2564) เวลา 10.00 น. 5 ผู้ต้องหา ได้แก่ เอกชัย หงส์กังวาน, บุญเกื้อหนุน เป้าทอง, สุรนาถ แป้นประเสริฐ และประชาชนอีก 2 ราย จะเดินทางไปที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก เพื่อฟังคำสั่งในคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 110 “ประทุษร้ายเสรีภาพราชินี” กรณีถูกกล่าวหาว่าได้เข้าไปขัดขวางขบวนเสด็จของพระราชินีและสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าทีปังกร ระหว่างการเสด็จผ่านบริเวณถนนพิษณุโลก เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2563
คดีนี้มีนายศรายุทธ สังวาลย์ทอง และ พ.ต.ท.พิทักษ์ ลาดล่าย เป็นผู้กล่าวหา เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 ต.ค. 63 ในระหว่างการชุมนุม #ม็อบ14ตุลา ของ “คณะราษฎร” ราว 17.00 น. ระหว่างที่กลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มหลักได้เคลื่อนขบวนจากบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยไปยังทำเนียบรัฐบาล อีกด้านบริเวณถนนพิษณุโลก ด้านหน้าของทำเนียบรัฐบาล ซึ่งมีกลุ่มผู้ชุมนุมรวมตัวกันจำนวนหนึ่ง เกิดเหตุการณ์ที่ขบวนเสด็จฯ ผ่านเข้ามาในที่ชุมนุมโดยที่ไม่มีใครทราบมาก่อนล่วงหน้า ทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นช่วงเวลาหนึ่ง มีการผลักและดันกันจนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเข้ามาคอยกั้นแนวระหว่างผู้ชุมนุมและรถขบวนเสด็จฯ
ภายหลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น เพียงแค่ 2 วัน (16 ตุลาคม 2563) ปรากฏว่ามีผู้ถูกออกหมายจับจากกรณีดังกล่าว 2 ราย คือ เอกชัยและบุญเกื้อหนุน บุญเกื้อหนุนเมื่อทราบข่าวว่ามีหมายจับจึงได้เดินทางไปที่ สน.ดุสิต เพื่อมอบตัวก่อนการจับกุม ในขณะที่เอกชัยเตรียมจะเดินทางไปสถานีตำรวจ แต่ได้ถูกเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมตัว ต่อมาในวันที่ 21 ตุลาคม 2563 เจ้าหน้าที่ได้เข้าจับกุมตัวสุรนาถที่บ้านตามหมายจับ ทั้งที่กำลังจะเดินทางไปหลังทราบว่ามีการออกหมายจับเช่นกัน
ทั้งหมดถูกกล่าวหาว่า “ร่วมกันพยายามกระทําการประทุษร้ายต่อเสรีภาพของพระราชินี” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 110 ต่อมาพนักงานสอบสวนยังมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมอีกสามข้อหา ได้แก่ ข้อหามั่วสุมกันโดยใช้กำลังประทุษร้ายทำให้เกิดการวุ่นวายในบ้านเมืองฯ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 215, กีดขวางทางสาธารณะ และกีดขวางการจราจร
ในจำนวนทั้งสามคน มีบุญเกื้อหนุนที่ศาลอนุญาตให้ประกันตัว ขณะที่เอกชัยและสุรนาถศาลไม่ได้ประกัน ทำให้ทั้ง 2 คนต้องถูกคุมขังเป็นเวลา 18 และ 13 วัน ตามลำดับ ก่อนที่ต่อมาศาลจะยกคำร้องฝากขังของพนักงานสอบสวนเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2563 โดยที่กรณีของสุรนาถยังถูกเจ้าหน้าที่นำตัวแยกไปที่เรือนจำบางขวางด้วย
ต่อมายังมีรายงานว่ามีผู้ถูกดำเนินคดีเพิ่มเติมอีกสองราย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายเรียกให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติม รวมทำให้รวมมีผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมด 5 ราย
ต่อมาวันที่ 28 มกราคม 2564 พนักงานสอบสวน สน.ดุสิต ได้มีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งห้าต่ออัยการ พนักงานอัยการได้เลื่อนฟังคำสั่งมาแล้วสามครั้ง หากอัยการมีคำสั่งฟ้องในวันพรุ่งนี้ จะทำให้ผู้ต้องหาทั้ง 5 กลายเป็นจำเลยคดีตาม มาตรา 110 กลุ่มแรกในประวัติศาสตร์ไทยร่วมสมัย ซึ่งกำหนดโทษต่ำสุดตามวรรคหนึ่งคือโทษจำคุก 16 – 20 ปี ในขณะที่โทษสูงสุดคือจำคุกตลอดชีวิต
สำหรับคดีนี้ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายในส่วนของนายบุญเกื้อหนุน เป้าทอง นักศึกษาสาขาวิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและกิจการทั่วโลก วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล และนายสุรนาถ แป้นประเสริฐ นักกิจกรรมด้านการพัฒนาชุมชนและเยาวชน”
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘เอกชัย หงส์กังวาน’ แจ้งความเอาผิด ‘ผบ.ตร.-ผบช.น.’ จงใจจัดขบวนเสด็จฝ่าผู้ชุมนุม
- ปล่อยตัว ‘อานนท์- สมยศ- เอกชัย- สุรนาถ’ ออกจากคุกแล้ว
- ด่วน! ‘ขบวนเสด็จ’ ผ่านผู้ชุมนุม 14 ต.ค. ‘คณะราษฎร’ หน้าทำเนียบรัฐบาล