The Bangkok Insight

‘ศรีสุวรรณ’ ร้อง กกต.สอบพรรคการเมือง อยู่เบื้องหลังประชามติแบ่งแยกดินแดนปาตานี

“ศรีสุวรรณ” ชี้เบาะแส กกต. ตรวจสอบพรรคการเมืองใด อยู่เบื้องหลังการจัดทำประชามติ แบ่งแยกดินแดนปาตานี

นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดินได้เดินทางไปยัง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อชี้เบาะแสให้ กกต. และนายทะเบียนพรรคการเมือง ได้ตรวจสอบว่า มีกรรมการบริหาร หรือพรรคการเมืองใด มีพฤติการณ์สนับสนุนทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ขบวนนักศึกษาที่จัดกิจกรรมเปิดตัวเมื่อ 7 มิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา ณ มอ.วิทยาเขตปัตตานีซึ่งมีการจัดทำประชามติแบ่งแยกดินแดนอันขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ตามที่แม่ทัพภาคที่ 4 และเลขาธิการ สมช.แถลงไปเมื่อวันก่อน

ศรี1 1

ทั้งนี้ภายในงาน ปรากฎโดยชัดแจ้งว่ามีการทำแบบสำรวจความคิดเห็นอย่างง่าย ระบุข้อความว่า คุณเห็นด้วยกับ สิทธิในการกำหนดชะตากรรมตนเองหรือไม่ ที่จะให้ประชาชนปาตานีสามารถออกเสียงประชามติแยกตัวเป็นเอกราชได้อย่างถูกกฎหมาย และมีช่องให้ใส่เครื่องหมาย ทั้งเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย

โดยในเอกสารที่ทำคล้าย ๆ บัตรลงคะแนน หรือบัตรลงประชามติ มีหมายเหตุตอนท้ายว่า ใช้กับชาวปาตานีผู้ที่ลงทะเบียนว่า อาศัยอยู่ถาวรในพื้นที่ปาตานี หรือ จ.นราธิวาส จ.ปัตตานี จ.ยะลา และ จ.สงขลา เฉพาะ อ.จะนะ อ.นาทวี อ.เทพา และ อ.สะบ้าย้อย

พฤติการณ์หรือการกระทำดังกล่าว ลำพังขบวนนักศึกษาไม่อาจทำได้ หากไม่มีนักการเมืองหรือพรรคการเมืองอยู่เบื้องหลัง เพราะเป็นการละเมิดต่อหลักกฏหมายและบูรณภาพแห่งดินแดนที่ได้กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 มาตรา 1 ที่บัญญัติไว้ว่า ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวจะแบ่งแยกมิได้

ศรีสุวรรณ

ขณะที่ความผิดตามรัฐธรรมนูญ ไม่ได้กำหนดโทษสำหรับบุคคลธรรมดา แต่มีบทลงโทษสำหรับพรรคการเมือง ที่จะถูกยุบพรรคและตัดสิทธิกรรมการบริหารได้ ตามม.92(2)(3) หากพิสูจน์ได้ว่า มีพรรคการเมือง มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือสนับสนุนการดำเนินการดังกล่าว

ส่วนบุคคลธรรมดา หากอยู่เบื้องหลัง อาจต้องรับโทษตามประมวลกฎหมายอาญา ม.119 ที่ระบุว่า ผู้ใดกระทำการใด ๆ เพื่อให้ราชอาณาจักร หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของราชอาณาจักร ตกไปอยู่ใต้อำนาจอธิปไตยของรัฐต่างประเทศ เพื่อให้เอกราชของรัฐเสื่อมเสียไป ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต

กรณีดังกล่าว ถือว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติและของแผ่นดิน องค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ไม่อาจทนนิ่งเฉยได้ จึงได้นำความพร้อมพยานหลักฐานต่าง ๆ รวมทั้งคลิปวิดีโอในงานดังกล่าว และคลิปวิดีโอการปราศรัยของผู้บริหารพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้อง มามอบให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง และนายทะเบียนพรรคการเมือง

ทั้งนี้ เพื่อดำเนินการไต่สวน และวินิจฉัยเอาผิดพรรคการเมือง ที่เป็นอีแอบอยู่เบื้องหลังขบวนนักศึกษาโดยเร็ว รวมทั้งต้องรีบแจ้งให้ผู้บริหารพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้อง ได้ยุติการกระทำดังกล่าวเสียก่อน ตาม ม.22 ของ พรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 แล้วค่อยเสนอศาลรัฐธรรมนูญลงดาบตาม ม.92(2)(3) ตามกฎหมายดังกล่าวต่อไป

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo