ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ของสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (1 พ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ “ดาวโจนส์” ลดลงกว่า 100 จุด หลังข้อมูลล่าสุด แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในตลาดแรงงาน ทำให้ความหวังว่า “เฟด” จะส่งสัญญาณถึงการผ่อนคลายในการเร่งขึ้นดอกเบี้ย ลดลง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 32,622.21 จุด ร่วงลง 110.74 จุด หรือ 0.34% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 3,855.58 จุด ลดลง 16.40 จุด หรือ 0.42% และดัชนีแนสแด็กที่ 10,905.49 จุด ขยับลงมา 82.65 จุด หรือ 0.75%
สำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงาน และอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน เพิ่มขึ้น 437,000 ตำแหน่ง มาอยู่ที่ 10.7 ล้านตำแหน่งในเดือนกันยายน สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่า จะลดลงมาอยู่ที่ 9.85 ล้านตำแหน่ง
นักวิเคราะห์ระบุว่า การพุ่งขึ้นของตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ท่ามกลางภาวะตึงตัวในตลาดแรงงาน จะเป็นปัจจัยหนุนการดีดตัวขึ้นของเงินเฟ้อ เนื่องจากพนักงานจะมีอำนาจต่อรองในการขอขึ้นค่าแรงจากนายจ้าง
ทั้งนี้ ตัวเลข JOLTS นับเป็นข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสนใจ โดยมองว่าเป็นมาตรวัดภาวะตึงตัวในตลาดแรงงาน ซึ่งเป็นปัจจัยในการพิจารณานโยบายการเงิน และอัตราดอกเบี้ยของเฟด
ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทดีดตัวขึ้นในช่วงแรก ขณะที่นักลงทุนคาดว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมวันที่ 1-2 พฤศจิกายน ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.50% ในการประชุมเดือนธันวาคม หลังการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อของสหรัฐได้ผ่านจุดสูงสุดแล้ว
นอกจากนี้ ตลาดได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทไฟเซอร์ และอูเบอร์ รวมทั้งการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ
ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากความคาดหวังที่ว่าจีนจะกลับมาเปิดประเทศ หลังมีกระแสข่าวว่า จีนได้จัดตั้งคณะกรรมการเพื่อหารือการผ่อนคลายมาตรการโควิดเป็นศูนย์
ขณะเดียวกัน นักลงทุน ยังจับตาการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐ ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 8 พฤศจิกายน ที่ถือเป็นการเดิมพันครั้งใหญ่ระหว่างพรรคเดโมแครต กับพรรครีพับลิกัน โดยจะมีการชิงชัยเก้าอี้ในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐทั้งหมด 435 ที่นั่ง รวมทั้งการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาจำนวน 35 ราย จากทั้งหมด 100 ราย
ทั้งยังมีการเลือกตั้งผู้ว่าการรัฐใน 39 รัฐ รวมทั้งการเลือกตั้งเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นอีกจำนวนมาก ซึ่งหากพรรครีพับลิกันคว้าชัยชนะเหนือพรรคเดโมแครต ก็จะทำให้การผ่านกฎหมายต่างๆ รวมทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโจ ไบเดน เป็นไปอย่างยากลำบาก ท่ามกลางคะแนนนิยมที่ตกต่ำของประธานาธิบดีไบเดนในขณะนี้
ผลการสำรวจของ RealClearPolitics พบว่า พรรครีพับลิกันสามารถครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ หลังการเลือกตั้งกลางเทอม จากปัจจุบันที่พรรคเดโมแครต มีเสียงมากกว่าอยู่เล็กน้อย
เจ้าหน้าที่หลายรายในทำเนียบขาวยอมรับว่า พวกเขามีความกังวลว่าพรรคเดโมแครต อาจสูญเสียการครองเสียงข้างมากทั้งในสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ขณะที่ผลสำรวจพบว่าพรรคเดโมแครต อาจเสียเก้าอี้ในวุฒิสภาในหลายรัฐให้แก่พรรครีพับลิกัน หลังจากที่ชาวอเมริกันไม่พอใจต่อการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ และเงินเฟ้อของรัฐบาล
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘ไอเอ็มเอฟ’ หั่นคาดการณ์เศรษฐกิจโลก ปี 66 โตเพียง 2.7% ‘อาเซียน 5’ ขยายตัว 4.9% เตือนเศรษฐกิจถดถอย
- ‘ยูเอ็นดีพี’ เตือน ‘ประเทศกำลังพัฒนา’ กำลังเจอวิกฤติหนี้ ชี้ต้องเร่งหามาตรการช่วยเหลือทันที
- ผู้เชี่ยวชาญชี้ ‘ค่าเงินเอเชีย’ อ่อนค่าลงอีก หลัง ‘เฟด’ ขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง