ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ของสหรัฐ ปิดซื้อขายวานนี้ (14 ต.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ “ดาวโจนส์” ร่วงลงกว่า 400 จุด และ “แนสแด็ก” ดิ่งเกิน 3% ท่ามกลางแรงกดดัน จากการคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อ จะเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะเร่งให้ “เฟด” ขึ้นดอกเบี้ยอย่างรุนแรงต่อไป และอาจทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดที่ 29,634.83 จุด ลดลง 403.89 จุด หรือ -1.34% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,583.07 จุด ลดลง 86.84 จุด หรือ -2.37% และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 10,321.39 จุด ลดลง 327.76 จุด หรือ -3.08%
การซื้อขายในตลาดเป็นไปอย่างผันผวน โดยเปิดตลาดในแดนบวกก่อนทรุดตัวลง หลังจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคดีขึ้นในเดือนตุลาคม แต่การคาดการณ์เกี่ยวกับเงินเฟ้อยังคงเพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวขึ้น โดยยอดค้าปลีกยังบ่งชี้ด้วยว่า ผู้บริโภคใช้จ่ายมากขึ้น
ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 59.8 ในเดือนตุลาคม จากระดับ 58.6 ในเดือนกันยายน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 59.0
ขณะเดียวกัน มีการคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะแตะระดับ 5.1% ในช่วง 1 ปีข้างหน้า โดยสูงกว่าระดับ 4.7% ที่มีการสำรวจในเดือนกันยายน ส่วนในช่วง 5 ปีข้างหน้า คาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะแตะระดับ 2.9% โดยสูงกว่าระดับ 2.7% ที่มีการสำรวจในเดือนที่แล้ว
ทางด้าน กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ ยังเปิดเผยยอดค้าปลีก ที่ทรงตัวในเดือนกันยายน หรือเพิ่มขึ้น 0% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนสิงหาคม
ส่วนยอดค้าปลีกพื้นฐาน ไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และอาหาร เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนที่แล้ว หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก่อนหน้านั้น
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘ไอเอ็มเอฟ’ หั่นคาดการณ์เศรษฐกิจโลก ปี 66 โตเพียง 2.7% ‘อาเซียน 5’ ขยายตัว 4.9% เตือนเศรษฐกิจถดถอย
- ‘ยูเอ็นดีพี’ เตือน ‘ประเทศกำลังพัฒนา’ กำลังเจอวิกฤติหนี้ ชี้ต้องเร่งหามาตรการช่วยเหลือทันที
- ผู้เชี่ยวชาญชี้ ‘ค่าเงินเอเชีย’ อ่อนค่าลงอีก หลัง ‘เฟด’ ขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง
