ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ของสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (14 ต.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ “ดาวโจนส์” ร่วงเกิน 300 จุด ส่วน “แนสแด็ก” ดิ่งกว่า 2% หลังฤดูการรายงานผลประกอบการเริ่มต้น ที่บรรดาธนาคารรายใหญ่ ๆ ต่างแสดงผลกำไรที่ลดลง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 29,732.02 จุด ร่วงลง 306.70 จุด หรือ 1.02% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 3,601.48 จุด ลดลง 68.43 จุด หรือ 1.86% และดัชนีแนสแด็ก ที่ 10,394.63 จุด ดิ่งลง 254.52 จุด หรือ 2.39%
บรรดาสถาบันการเงินรายใหญ่ ที่จดทะเบียนในตลาด อย่าง เจพีมอร์แกน เชส มอร์แกน สแตนลีย์ ซิตี้กรุ๊ป และเวลส์ ฟาร์โก แอนด์ โค ต่างรายงานรายได้สุทธิลดลงเล็กน้อย เนื่องจากตลาดที่ย่ำแย่ ส่งผลต่อกิจกรรมการลงทุนของภาคธนาคาร และมีการกันเงินสำรองมากขึ้น เพื่อรับมือกับการผิดนัดชำระหนี้
ล่าสุด บรรดานักวิเคราะห์ต่างคาดการณ์ว่า จะมีบริษัทต่างๆ ในดัชนีเอสแอนด์พี 500 จะมีผลกำไรเพิ่มขึ้นเพียง 3.6% จากปีที่แล้ว น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนกรกฎาคมว่าจะเพิ่มขึ้น 11.1% อย่างมาก
วันนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ ยังเปิดเผยยอดค้าปลีก ที่ทรงตัวในเดือนกันยายน หรือเพิ่มขึ้น 0% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนสิงหาคม ส่วนยอดค้าปลีกพื้นฐาน ไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และอาหาร เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนที่แล้ว หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก่อนหน้านั้น
นักลงทุนยังติดตามสถานการณ์การเมืองของสหราชอาณาจักร หลังนางลิซ ทรัสส์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ปลดนายควอซี ควาร์เตง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังออกจากตำแหน่ง พร้อมยกเลิกมาตรการเศรษฐกิจบางส่วน ในความพยายามที่จะรักษาตำแหน่งไว้ และเอาตัวรอดจากความวุ่นวายในตลาดการเงิน และการเมือง
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘ไอเอ็มเอฟ’ หั่นคาดการณ์เศรษฐกิจโลก ปี 66 โตเพียง 2.7% ‘อาเซียน 5’ ขยายตัว 4.9% เตือนเศรษฐกิจถดถอย
- ‘ยูเอ็นดีพี’ เตือน ‘ประเทศกำลังพัฒนา’ กำลังเจอวิกฤติหนี้ ชี้ต้องเร่งหามาตรการช่วยเหลือทันที
- ผู้เชี่ยวชาญชี้ ‘ค่าเงินเอเชีย’ อ่อนค่าลงอีก หลัง ‘เฟด’ ขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง
