Stock

‘ดาวโจนส์-แนสแด็ก’ ปิดตลาดทรุดหนัก ดิ่งเกิน 500 จุด ‘เมตา’ ฉุดตลาด หลังหุ้นร่วงกว่า 26%

ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ของสหรัฐ ปิดซื้อขายในวันพฤหัสบดี (3 ก.พ.) โดยที่ 2 ดัชนีหลักของตลาด อย่าง “ดาวโจนส์” และ “แนสแด็ก” ดิ่งลงอย่างหนัก  หลังหุ้น “เมตา แพลตฟอร์ม” บริษัทแม่ของ “เฟซบุ๊ก” เจอแรงเทขายอย่างหนัก ราคาทรุดกว่า 26% จากการที่บริษัท คาดการณ์ว่า ผลประกอบการในไตรมาสแรก จะย่ำแย่ลง 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,111.16 จุด ร่วงลง 518.17 จุด หรือ 1.45% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,477.44 จุด ลดลง 111.94 จุด หรือ 2.44% และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 13,878.82 จุด ดิ่งลง  538.73 จุด หรือ  3.74% ถือเป็นการปรับตัวลงในวันเดียวรุนแรงสุด นับตั้งแต่เดือนกันยายน 2563  เป็นต้นมา

นักลงทุนพากันเทขายหุ้นอย่างหนัก ตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังจากที่ เมตา เปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 4/2564 ที่ระดับ 3.67 ดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ 3.84 ดอลลาร์ ขณะที่ยอดผู้ใช้งานรายวันลดลงมาอยู่ที่ระดับ 1.93 ล้านราย ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1.95 ล้านราย ทั้งยังคาดการณ์ว่า รายได้ในไตรมาส 1 ของปี 2565 จะน้อยกว่าที่ประเมินไว้

ดาวโจนส์

บริษัทแม่ของเฟซบุ๊ก ระบุว่า ผลประกอบการของบริษัทได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัยด้วยกัน รวมถึง การที่ “แอปเปิ้ล อิงค์” เปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัว ในระบบปฏิบัติการไอโอเอส ของบริษัท ซึ่งส่งผลกระทบต่อรายได้ด้านโฆษณาของเฟซบุ๊ก เนื่องจากซอฟต์แวร์ไอโอเอส 14.5 กำหนดให้ผู้ใช้งานต้องให้ความยินยอมก่อนที่แอปพลิเคชันต่าง ๆ จะสามารถติดตามข้อมูลของผู้ใช้งานได้

สถานการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้ราคาหุ้นเฟซบุ๊กปิดตลาดร่วงลง 26.39% และทำให้มูลค่าตลาดของเฟซบุ๊กหายไปกว่า 200,000 ล้านดอลลาร์ ทั้งยังฉุดราคาหุ้นของบริษัทอื่น ๆ ในกลุ่มเทคโนโลยีและโซเชียลมีเดียดิ่งลงด้วย โดยหุ้นไมโครซอฟท์ ร่วงลง 3.9% แอปเปิ้ล ลดลง 1.67% อัลฟาเบท ร่วงลง 3.32%  ทวิตเตอร์ ร่วงลง 5.56% สแนป ทรุดตัวลง 23.6%  และพินเทอเรสต์ ดิ่งลง 10.32%

ขณะที่ หุ้นบริษัทเทคโนโลยีด้านการเงิน ก็ร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่สอง หลังจากเพย์พาล (Paypal) เปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 4/2564 ที่ระดับ 1.11 ดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1.12 ดอลลาร์  ทำให้ราคาหุ้นเพย์พาล ร่วงลง 6.24%

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ลดลงมาอยู่ที่ 238,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ว่าจะอยู่ที่ระดับ 245,000 ราย และต่ำกว่าตัวเลขที่มีการรายงานในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ที่ 261,000 ราย

ขณะที่สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ไอเอสเอ็ม) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 59.9 ในเดือนมกราคม ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2564 แต่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 59.5 หลังจากแตะระดับ 62.3 ในเดือนธันวาคม

นักลงทุนยังจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ (4 ก.พ.) ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนมกราคม ของสหรัฐจะเพิ่มขึ้นเพียง 178,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 3.9%

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo