หุ้น PTTGC หรือ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ทุกคนน่าจะรู้จักกันดีในฐานะ Chemical Flagship แกนนำของธุรกิจเคมีภัณฑ์ของกลุ่ม ปตท. ซึ่งเริ่มแรกนั้นเกิดจากการควบรวมกิจการระหว่าง ปตท. เคมิคอล (PTTCH) และ ปตท. อะโรเมติกส์และการกลั่น (PTTAR) โดยได้จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทขึ้นใหม่เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2554
ก่อนหน้านี้ Business Model ของ PTTGC แบ่งเป็นหลายสายแต่หลักใหญ่ๆ คือ โรงกลั่นน้ำมัน ผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ และผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์ และรายได้ส่วนใหญ่มาจากลูกค้าสถาบัน แต่อย่างที่รู้กันว่าหุ้น PTTGC ค่อนข้างมีความเป็น commodities กำไรมักขึ้นๆ ลงๆ ตามวัฏจักร และราคาขายผลิตภัณฑ์ที่ผันผวนตามตลาดโลก เนื่องจากธุรกิจที่ว่ายังคาบเกี่ยวในส่วนปิโตรเคมีขั้นต้นและขั้นกลางพอสมควร

ขยับสู่ผู้นำปิโตรเคมีปลายน้ำ
การขยับตัวเองไปสู่ธุรกิจปิโตรเคมีปลายน้ำที่เป็น High Value Business (HVB) ให้มากขึ้น อย่างเช่น โรงงานเม็ดพลาสติก หรือเคมีภัณฑ์ที่ใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จึงเป็นสิ่งที่บริษัทพยายามทำมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งคือจุดที่สร้างความแตกต่างระหว่าง PTTGC กับบริษัทอื่นๆ
อย่างที่จะเห็นว่าใน 1-2 ปีมานี้ PTTGC กำลังปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งใหญ่ให้ชัดเจนมากขึ้น ไล่มาตั้งแต่การซื้อหุ้นทั้งหมดของ VNT และมีแผนเพิกถอนหุ้น VNT ออกจากตลาด แล้วควบรวมกับกลุ่มไทยอาซาฮี เคมีภัณฑ์ เพื่อเปิดเป็นบริษัทใหม่
ขณะเดียวกันก็มีการขายหุ้น GPSC คืนให้ PTT ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนกลยุทธ์ของบริษัทที่จะมุ่งเน้นในธุรกิจหลักในกลุ่มปิโตรเคมี และเตรียมการไว้สำหรับการขยายการลงทุนธุรกิจที่เป็น High Value Business ระดับ Global Company เพื่อต่อยอดการเติบโตในอนาคต
กระทั่งล่าสุดบิ๊กดีลที่เป็น Global Company ก็เกิดขึ้นจริงๆ เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา PTTGC ทุ่มเงินกว่า 1.48 แสนล้านบาท เข้าซื้อหุ้น 100% ของ Allnex Holding GmbH บริษัทในประเทศเยอรมนี ที่ประกอบธุรกิจในการผลิต Coating Resins และ สาร Additives ที่ใช้สำหรับการใช้งานในงานสถาปัตยกรรม อุตสาหกรรมทั่วไป สารเคลือบป้องกัน อุตสาหกรรมรถยนต์ รวมทั้งสารเคลือบผิวและหมึกชนิดพิเศษ จำนวนทุนจดทะเบียนและทุนชำระแล้ว 275,000 ยูโร มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 25,000 ยูโร
การเข้าลงทุนครั้งนี้นับเป็นก้าวใหม่ของ PTTGC ในการขึ้นเป็นผู้นำระดับโลกในธุรกิจปิโตรเคมีขั้นปลาย เพื่อต่อยอดธุรกิจกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง เนื่องจาก Allnex มีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง พอร์ตลงทุนที่หลากหลาย และใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยดำเนินงานใน 14 ประเทศ กำลังการผลิตรวม 1.2 ล้านตันต่อปี
ทางนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ ประเมินว่า ในระยะยาวการเข้าลงทุนครั้งนี้จะช่วยเพิ่มผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงเข้ามาในพอร์ต PTTGC ซึ่งจะหนุนให้บริษัทมีมาร์จินที่สูงขึ้น และมีเสถียรภาพในระยะยาว คาดว่าจะทำให้ EBITDA margin ปรับตัวขึ้น 1-2% และส่งผลให้ EBITDA เพิ่มขึ้นได้อีก 30-35% ภายในปี 2565
สรุปตัวเลขทางการเงินที่สำคัญของ PTTGC
ปัจจุบัน PTTGC เป็นหุ้นตัวท๊อปของตลาด และเป็นเบอร์หนึ่งในกลุ่มปิโตรเคมี ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ (Market Cap.) ที่สูงถึง 1,163,445 ล้านบาท ส่วนผลประกอบการไตรมาสล่าสุด (Q2/62) บริษัทมีรายได้รวม 111,793 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 61% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 25,034 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 1,393% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
สรุปแล้วจะเห็นว่า PTTGC เป็นหุ้นที่มีทิศทางเติบโตในอนาคตที่ค่อนข้างน่าจับตามองทีเดียว ขณะที่ valuation ก็ยังไม่แพงมาก สามารถจ่ายปันผลได้สม่ำเสมอ ส่วนตัวมองว่าเป็นหุ้นแข็งแกร่งที่สามารถโตได้ตามค่อยเป็นค่อยไป อาจจะไม่ได้หวือหวานัก เพราะต้องติดตามเรื่อง Margin อีกครั้งว่าจะสามารถเพิ่มได้อย่างที่หวังไว้ไหม
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘GC’ จับมือ ‘สถาบันการเงิน’ ทำ DLC วงเงินกว่า 3 หมื่นล้าน ทุนหมุนเวียนทำกิจการ
- ‘GC-Cargill’ ดันโมเดล ‘BCG Economy’ สร้างโรงงานพลาสติกชีวภาพครบวงจรแห่งใหม่
- PTTGC กำไรไตรมาสสองพุ่ง 2.5 หมื่นล้าน จากยอดขายเพิ่ม-ขายหุ้น GPSC