Stock

‘ดาวโจนส์’ ทุบสถิติใหม่ ทะยานข้ามเส้น 35,000 จุด ขานรับจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งเกินคาด

ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 100 จุด ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เหนือระดับ 35,000 จุดในวันนี้ (6 ส.ค.) หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนกรกฎาคม ช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 35,206.64 จุด ทะยานขึ้น 142.39 จุด หรือ 0.41% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 4,435.83 จุด ขยับขึ้น 6.73 จุด หรือ 0.15% และดัชนีแนสแด็กที่ 14,829.77 จุด ลดลง 65.35 จุด หรือ 0.44%

หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้นนำหน้าตลาดในวันนี้ ขณะที่หุ้นกลุ่มค้าปลีก อุตสาหกรรม และพลังงาน ดีดตัวขึ้นเช่นกัน ขานรับตัวเลขจ้างงานที่สดใส ซึ่งช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

Stocksbitcoin ๒๑๐๘๐๖

ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 943,000 ตำแหน่งในเดือนกรกฎาคม สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 845,000 ตำแหน่ง จากระดับ 938,000 ตำแหน่งในเดือนมิถุนายน

ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวลงสู่ระดับ 5.4% ในเดือนกรกฎาคม ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.7% หลังจากแตะระดับ 5.9% ในเดือนมิถุนายน

กระทรวงแรงงานสหรัฐ ยังได้ปรับตัวเลขการจ้างงานในเดือนพฤษภาคม โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 614,000 ตำแหน่ง จากเดิมที่รายงานว่าเพิ่มขึ้น 583,000 ตำแหน่ง และปรับตัวเลขการจ้างงานในเดือนมิถุนายน โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 938,000 ตำแหน่ง จากเดิมที่รายงานว่าเพิ่มขึ้น 850,000 ตำแหน่ง

กระทรวงแรงงานสหรัฐ ระบุว่า ในเดือนที่แล้ว ภาคเอกชนจ้างงานเพิ่มขึ้น 703,000 ตำแหน่ง ขณะที่ภาครัฐจ้างงานเพิ่มขึ้น 240,000 ตำแหน่ง

อย่างไรก็ดี ตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่ง จะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เริ่มปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) รวมทั้งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะเป็นปัจจัยลบต่อตลาดหุ้นวอลล์สตรีท

นักลงทุนคาดว่าเฟดจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้น เกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งแนวโน้มการปรับลดวงเงิน QE ในการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 สิงหาคมนี้

นายริชาร์ด แคลริดา รองประธานเฟด ส่งสัญญาณในการกล่าวถ้อยแถลงก่อนหน้านี้ว่า เฟดจะปรับลดวงเงิน QE ภายในปีนี้ ก่อนที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566 โดยเขาระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มที่จะบรรลุเป้าหมายด้านการจ้างงาน และเงินเฟ้อของเฟดภายในปลายปีหน้า ซึ่งจะทำให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566

“ผมเชื่อว่าเศรษฐกิจจะบรรลุเงื่อนไขที่จำเป็นต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดภายในปลายปีหน้า และการกลับมาใช้นโยบายการเงินแบบปกติในปี 2566 จะสอดคล้องกับกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อเฉลี่ยแบบยืดหยุ่นของเฟด หากการคาดการณ์ของผมเป็นจริง ก็คาดว่าเฟดจะเริ่มประกาศปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรภายในปีนี้”

คำกล่าวของนายแคลริดาสอดคล้องกับ ถ้อยแถลงของนายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ว่าการของเฟด โดยนายวอลเลอร์ กล่าวว่า เฟดควรจะเริ่มปรับลดวงเงิน QE ภายในเดือนตุลาคมนี้

อ่านข่าวเพิ่มเติม

 

Avatar photo