ตลาดหุ้นสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (4 ส.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น ร่วงลงอย่างหนัก หลังตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนน้อยเกินคาด และค่ายรถยนต์รายใหญ่ อย่าง “จีเอ็ม” รายงานผลประกอบการไตรมาส 2 น้อยกว่าที่ประเมินกันไว้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 34,800.64 จุด ดิ่งลง 315.76 จุด หรือ 0.90% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 4,404.19 จุด ลดลง 18.96 จุด หรือ 0.43% และดัชนีแนสแด็กที่ 14,773.81จุด ขยับขึ้นมา 12.52 จุด หรือ 0.08%
ราคาหุ้นเจนเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) ดิ่งลงถึง 7% ในการซื้อขายวันนี้ หลังบริษัทเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2 ที่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียง 330,000 ตำแหน่งในเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 653,000 ตำแหน่ง
นอกจากนี้ ADP ยังได้ปรับลดตัวเลขการจ้างงานของภาคเอกชนในเดือนมิ.ย.สู่ระดับ 680,000 ตำแหน่ง จากเดิมรายงานที่ระดับ 692,000 ตำแหน่ง โดยภาคบริการมีการจ้างงาน 318,000 ตำแหน่งในเดือนที่แล้ว ขณะที่ภาคการผลิตมีการจ้างงานเพียง 12,000 ตำแหน่ง ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา
ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์นี้ (6 ส.ค.) โดยตัวเลขดังกล่าวถือเป็นตัวเลขจ้างงานตัวสุดท้าย ก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะจัดการประชุมประจำปีที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 สิงหาคมนี้
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ในวันศุกร์นี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 926,000 ตำแหน่งในเดือนกรกฎาคม สูงกว่าที่เพิ่มขึ้น 850,000 ตำแหน่งในเดือนมิถุนายน
หากตัวเลขการจ้างงานออกมาแข็งแกร่ง ก็จะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เฟดเริ่มปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ซึ่งนักลงทุนคาดว่าเฟดจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งแนวโน้มการปรับลดวงเงิน QE ในการประชุมที่เมืองแจ็กสัน โฮล
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘เคแบงก์ ไพรเวทแบงกิ้ง’ ชู 3 กองทุน ขานรับแผนเสริมแกร่งเศรษฐกิจสหรัฐ เน้นลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน
- กบข. มองเศรษฐกิจทั่วโลกฟื้น แต่ไทยพื้นช้าจากโควิด เตรียมรับพันธบัตรสหรัฐขาขึ้น
- ผ่าน! ‘วุฒิสภาสหรัฐ’ ไฟเขียว ‘มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ’ วงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลล์