ตลาดหุ้นสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (8 ก.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น ร่วงลงอย่างหนัก จากการระบาดเป็นวงกว้างของไวรัสโควิด สายพันธุ์เดลตา ที่ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ทั้งการร่วงลงของหุ้นเทคโนโลยีจีน ก็ส่งผลกระทบไปทั่วทั้งตลาด
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 34,449.99 จุด ร่วงลง 231.80 จุด หรือ 0.67% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 4,325.28 จุด ลดลง 32.85 จุด หรือ 0.75% และดัชนีแนสแด็กที่ 14,556.85 จุด ดิ่งลง 108.22 จุด หรือ 0.74%
วันนี้ ดัชนีความผันผวน CBOE หรือ CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาด พุ่งขึ้นเหนือระดับ 20 จุด
รายงานข่าวเกี่ยวกับการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ในหลายประเทศ ทำให้เกิดความวิตก ถึงอนาคตในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งความกังวลในด้านนี้ ทำให้นักลงทุนทิ้งหุ้น และพากันเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ดิ่งลงสู่ระดับ 1.25% ในวันนี้ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
การร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรดังกล่าว ฉุดราคาหุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับความสามารถในการทำกำไรของภาคธนาคาร ในสภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำ
ปัจจัยดังกล่าว ยิ่งเพิ่มแรงกดดันให้กับตลาด ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับอนาคตของหุ้นเทคโนโลยี ที่รัฐบาลแดนมังกรกำลังเดินหน้าในเรื่องที่หลายฝ่ายมองว่า เป็นการกวาดล้างบริษัทจีน ที่จดทะเบียนในต่างประเทศ สถานการณ์ที่ทำให้ราคาหุ้นของบรรดาบริษัทจีน ที่จดทะเบียนในสหรัฐดิ่งลงอย่างมาก
วันนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐ ยังเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 2,000 ราย สู่ระดับ 373,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว จากระดับ 371,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ โดยตัวเลขดังกล่าว สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ราว 350,000 ราย
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานด้วยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องลดลงสู่ระดับ 3.34 ล้านราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563
ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่า เนื่องจากขจัดความผันผวนรายสัปดาห์ ลดลงสู่ระดับ 3.44 ล้านราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 เช่นกัน
